Category ข่าววันนี้

บิ๊กตู่ แค่เปิดหัวรอ

“บิ๊กตู่”แค่เปิดหัวรอ ของจริง-ยุบสภาก.พ.!?

ผ่านสายตากันไปแล้ว สำหรับงานเปิดตัว “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ด้วยการเป็นสมาชิก พรรครวมไทยสร้างชาติ กลายเป็นนักการเมืองเต็มตัว ตั้งแต่วันที่ 9 มกราคมเป็นต้นไป และก็ถึงแม้ว่าการเปิดตัวในวันดังกล่าว ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ จะดูยิ่งใหญ่อลังการก็ตาม

แต่ก็มีหลายคนที่ปรามาสว่า ยังพิสูจน์ไม่ได้ชัดเจนนัก และมองว่า ทั้งนักการเมือง และมวลชนที่เข้าร่วม ยังไม่อาจการันตีจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่มากพอสำหรับการไปต่อ เพราะว่าในจำนวนนั้น มีไม่น้อยที่เป็น “รุ่นเก่า” อะไรประมาณนั้น ซึ่งคำปรามาสแบบในเชิงเหยียดหยามที่ว่านั้น ล้วนมาจากฝ่ายตรงข้ามอยู่แล้ว

อย่างไรก็ตาม ถ้าเกิดพิจารณากันตามความเป็นจริงแล้ว การเปิดตัวของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ดังกล่าวต้องยอมรับว่าสร้างกระแส ในทางการเมืองได้พอสมควร โดยเฉพาะกับพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่ถือว่ามีความคึกคักอย่างเป็นรูปธรรม อย่างน้อยก็ได้สร้างความจดจำ ในฐานะพรรคการเมืองใหม่ได้อย่างรวดเร็ว รวมไปถึงการที่ทุกสายตาจับจ้องไปที่ตัว “บิ๊กตู่” ที่เปิดตัวในฐานะสมาชิกพรรคการเมืองเป็นครั้งแรก รวมไปถึงการพูดบนเวที ในฐานะนักการเมืองอีกด้วย

ขณะเดียวกัน ในวันดังกล่าวยังมีนักการเมืองระดับ รัฐมนตรี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากหลายพรรคการเมืองไปร่วมให้กำลังใจ สังเกตการณ์ ไปร่วมงานหลายๆ คน โดยหลายคนที่ไปก็ยังไม่ได้ลาออกจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือลาออกจากพรรคเดิมที่สังกัดอยู่ เพราะเหตุว่ายังรอจังหวะอยู่ แต่ว่าการเดินทางไปร่วมงาน มันก็มีแนวโน้มค่อนข้างชัดแล้วว่าพวกเขาได้ตัดสินใจมาร่วมกับพรรครวมไทยสร้างชาติแล้ว

เปิดตัวรวมไทยสร้างชาติ

นอกจากนี้ เมื่อได้ยินคำพูดของบรรดา ส.ส.จากบางพรรคที่มาร่วมงานเปิดตัว บิ๊กตู่ ครั้งนี้

ถึงเหตุผลที่ยังไม่ลาออก โดยพวกเขากล่าวว่าจะลาออกในปลายเดือนกุมภาพันธ์ หรือในช่วงปิดสมัยประชุมสมัยสุดท้าย ในวันที่ 28 ก.พ. ทำให้ทราบได้โดยทันทีว่า จะมีการ “ยุบสภา” ในต้นเดือนมีนาคม หรือภายในเดือนนั้นอย่างแน่นอน

ซึ่ง นางสาวรังสิมา รอดรัศมี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสมุทรสงคราม พรรคประชาธิปัตย์ เดินทางมาร่วมงานประชุมใหญ่พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) แล้วก็งานเปิดตัวพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกลาโหม สมัครเข้ามาเป็นสมาชิกพรรค โดย นางสาวรังสิมา พูดว่า ตนยังไม่ได้ลาออกจากส.ส. ยังคงปฏิบัติหน้าที่จนถึงปิดสมัยประชุม แต่วันนี้เดินทางมาให้กำลังใจพล.อ.ประยุทธ์ ทั้งนี้คงลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ ภายหลังจากยุบสภา และคิดว่านายกรัฐมนตรีคงยุบสภา คงจะไม่อยู่ครบวาระ เนื่องจากว่าจะทำให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรย้ายพรรคไม่ทัน

โดย นางสาวรังสิมา กล่าวยอมรับว่า ยังไม่แจ้งให้ทางพรรคประชาธิปัตย์ทราบ แต่เชื่อว่าทางพรรคคงจะรับทราบแล้ว เนื่องจากว่าผลโพลออกมาว่า ประชาชนต้องการให้ไปอยู่พรรคใด ก็จะต้องไปตามโพล ซึ่งก็ชัดเจนว่าต้องการให้มาอยู่กับพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.)

น.ส.รังสิมา ยังกล่าวชี้แจงสาเหตุที่ต้องทำโพลว่า เมื่อการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาได้รับปากกับประชาชนไว้ ซึ่งคราวนี้ถ้าไม่ย้ายพรรค ประชาชนก็จะไม่เลือกตน แล้วก็จากผลโพลครั้งนี้ประชาชนในพื้นที่ก็สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ โดยให้เหตุผลว่า นายกฯ ทำให้บ้านเมืองสงบ และก็นายกฯ เป็นคนที่มีความซื่อสัตย์ รักสถาบันฯ จึงอยากให้ตนมาอยู่กับพรรครวมไทยสร้างชาติ(รทสช.)

ก่อนหน้านั้น นายสายัณห์ ยุติธรรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรนครศรีธรรมราช พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวมาว่า พวกตนและทีมภาคใต้จะเดินทางไปให้กำลังใจนายกฯ ด้วยเพราะส่วนตัวได้ประกาศแล้วว่าจะไปกับนายกฯ ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็ตาม

ส่วนการสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรค รทสช. ของพวกตนจะไปสมัครหลังจากปิดสภา ในวันที่ 28 เดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของสภา แล้วต่อจากนั้นพวกตนจะไปลาออกจากสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ โดยในส่วนของภาคใต้ ไม่ต่ำกว่า 30 คน ซึ่งเป็นผู้สมัครจากพรรคอื่นด้วย ทั้งจากพรรคพปชร. และพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ดังเช่น นางสาวรังสิมา รอดรัศมี ส.ส.สมุทรสงคราม แล้วก็ น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรนครศรีธรรมราช ก็จะลาออกจากพรรคสังกัดเดิม เพื่อสมัครเข้ามาเป็นสมาชิกพรรค รทสช.เช่นเดียวกัน

ถามว่า เวลานี้ยังเป็นสมาชิกพรรค พปชร.อยู่ จะไปร่วมการประชุมใหญ่วิสามัญของพรรคพปชร. ที่กำลังจะมีขึ้นหรือไม่ นายสายัณห์ พูดว่า ไม่ไปแล้ว ใจตนมาอยู่พรรคนี้แล้ว คงไม่ไปแล้ว และตนก็ไม่รู้ว่าเขาจะประชุมเมื่อใด รู้แต่ว่ากิจกรรมของพรรครทสช.

รังสิมา รอดรัศมี

จากคำพูดดังกล่าวของ สองสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรต่างพรรคคือ น.ส.รังสิมา รอดรัศมี จากพรรคประชาธิปัตย์ และนายสายัณห์ ยุติธรรม จากพรรคพลังประชารัฐ

ที่ไปแสดงตัวในงานเปิดตัวพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทำให้รู้ว่า ยังมีส.ส.อีกล็อตหนึ่งที่จะย้ายมาร่วมพรรครวมไทยสร้างชาติ หลังปิดสมัยประชุมนัดสุดท้าย วันที่ 28 เดือนกุมภาพันธ์ และก็จากคำพูดของน.ส.รังสิมา ทำให้ทราบว่าจะมีการ “ยุบสภา” หลังจากนั้น เหตุเพราะทำให้บรรดาส.ส.และนักการเมืองที่จะย้ายเข้ามาสังกัดได้ทันข้อกำหนดสังกัดพรรคไม่น้อยกว่า 30 วัน นับจนถึงวันเลือกตั้ง

เมื่อประมวลทุกอย่างแล้ว ก็เลยมั่นใจว่าจะมีการยุบสภาในเดือนมีนาคม ส่วนจะเป็นตอนเวลาไหนนั้น ก็อีกหนึ่งเรื่อง เนื่องจากว่าถือว่าก่อนครบวาระสภา ในวันที่ 23 มีนาคม เพียงไม่กี่วัน ขณะเดียวกันในช่วงเวลาดังกล่าวก็มีความเป็นไปได้ ที่กฎหมายสำคัญสองฉบับ คือ กฎหมายว่าด้วยพรรคการเมือง แล้วก็ว่าด้วยการเลือกตั้ง ที่เป็นกติกาการเลือกตั้งน่าจะมีผลบังคับใช้พอดี

ถ้าหากโฟกัสไปที่ความเคลื่อนไหวของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในวันเปิดตัวกับพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้มองเห็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและนักการเมืองจำนวนหนึ่งมาร่วมงาน และแสดงตัวว่ามาร่วมสังกัดพรรคเดียวกัน แม้ว่าวันนั้นถ้านับจำนวนส.ส.แล้วอาจยังมีไม่มาก แต่ว่าเมื่อพิจารณาจากแนวโน้มแล้วก็ต้องจับตาหลังวันที่ 28 เดือนกุมภาพันธ์ ว่าจะมีส.ส.ลาออกมาสมทบเพิ่มอีกกี่คน เพราะเหตุว่านี่คือการพิสูจน์ให้เห็น “ของจริง” รวมไปถึงสามารถ“สร้างกระแส” ได้มากน้อยเพียงใด

ดังนั้น สำหรับ “บิ๊กตู่” นาทีนี้ถือว่าต้องลุยเต็มที่สำหรับเป้าหมายในโควต้าที่เหลืออยู่ ซึ่งต้องมีองค์ประกอบหลายอย่างประกอบกันทั้งกระสุน กระแส ตุนอยู่ในมือ แต่ว่าหากมีกระแสดี มันก็ทำให้เรื่องอื่นตามมาได้ไม่ยาก และก็ที่สำคัญจะต้องรอดูว่าจะมี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไหลเข้ามาร่วมอีกล็อตในเดือนกุมภาพันธ์ อีกจำนวนเท่าไร เพราะว่าจะเป็นการสร้างพลังขับเคลื่อนได้เพิ่มเติมอีกระดับหนึ่ง แต่ว่าหากเทมาทางนี้ไม่มาก มันก็ทำให้โอกาสไปต่อยากเข็ญไปอีกหลายเท่า !!

ไม่ยอมรับผลเลือกตั้ง

เลียนแบบสหรัฐฯ! ม็อบหนุนอดีต ปธน. บราซิลบุกรัฐสภา และ ทำเนียบฯ ไม่ยอมรับผลเลือกตั้ง

กลุ่มผู้สนับสนุน ของอดีตประธานาธิบดี บราซิล ฌาอีร์ โบลโซนารู บุกเข้าไปในที่ประชุม คองเกรส ทำเนียบประธานาธิบดี แล้วก็ ศาลสูง เนื่องจาก ไม่ยอมรับผลเลือกตั้ง เมื่อวันอาทิตย์ ที่ (8 มกราคม) เพื่อต่อต้าน ผลการลงคะแนนเสียง คล้ายเหตุ ที่ฝ่ายเกื้อหนุนอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ บุกตึกสภานิติบัญญัติสหรัฐฯ เมื่อ 2 ปีก่อนหน้านี้

ลูอิส อินาซิโอ “ลูลา” ดา ซิลวา ประธานาธิบดี ฝ่ายซ้าย ซึ่ง เอาชนะ โบลโซนารู ในศึกเลือกตั้งทั่วๆไป ที่เต็มไปด้วยปัญหา เมื่อปีที่แล้ว แถลงส่งเจ้าหน้าที่ ด้านความมั่นคงของรัฐบาลกลาง เข้าแทรกแซงเหตุการณ์ใน กรุงบราซิเลีย ไปจนถึงวันที่ 31 มกราคม หลังจากพื้นฐาน กองกำลังความมั่นคงของเมืองหลวงแห่งนี้ ไม่สามารถต่อกร กับพวกผู้บุกรุกได้

ระหว่างการแจ้งข่าว ลูลา กล่าวโทษ โบลโซนารู และก็คว่ำครวญ เกี่ยวกับมาตรการความมั่นคง ที่ไม่พอในเมืองหลวง โดยบอกว่าพวกเจ้าหน้าที่ ปล่อยให้พวกฟาสซิสต์ และ พวกคนคลั่งก่อความย่ำแย่ร้ายแรง

“พวกทำลายทรัพย์สินเหล่านี้ ที่เราสามารถเรียกได้ว่า คนคลั่งนาซี คนคลั่งสตาลิน คนคลั่งฟาสซิสต์ ทำในสิ่งที่ไม่เคยมีใครทำ ในประวัติศาสตร์ของประเทศนี้” ลูลากล่าว ระหว่างเดินทางเยือน รัฐเซาเปาลู อย่างเป็นทางการ “เราจะหาตัวคนที่ทำเรื่องนี้ จนพบทั้งหมด และ พวกเขาจะถูกลงโทษ”

พวกคนคัดค้านสวมชุดเหลืองเขียวหลายพันคน ก่อความวุ่นวายในเมืองหลวง โหมกระพือความเคร่งเครียดมานาน หลายเดือน ตามหลังศึกลงคะแนนเสียงช่วงวันที่ 30 มกราคม ซึ่ง โบลโซนารู ยังปฏิเสธความปราชัย และ กล่าวอ้างว่า ระบบการเลือกตั้งด้วยเครื่องลงคะแนนอิเล็กทรอนิกส์ของ บราซิล เต็มไปด้วยการฉ้อฉล โหมกระพือการเปลี่ยนแปลง ก่อความรุนแรงของบรรดาผู้ปฏิเสธผลลงคะแนน

ม็อบหนุนอดีตปธน

ราว 18.30 น. (ตรงเวลาท้องถิ่น) หรือ ราว 3 ชั่วโมง ตามหลังมีรายงานเกี่ยวกับการบุกรุก จากการ ไม่ยอมรับผลเลือกตั้ง ในเบื้องต้น

กองกำลังด้านความมั่นคง จัดแจงทวงอาคาร คืนมาได้ 3 หลัง ตามรายงานข่าวสารของโกลบอลนิวส์ ช่วงเวลาที่ ภาพข่าวเผยให้มองเห็นพวกก่อความปั่นป่วนหลายสิบคน ถูกเจ้าหน้าที่พาตัวออกไป ในสภาวะ โดนสวมกุญแจมือ

การบุกรุกครั้งนี้ เสี่ยงทำให้เกิดปัญหาแก่ ลูลา ในทันทีทันใด ในตอนที่เขา พึ่งจะสาบานตนเข้ารับตำแหน่งใน วันที่ 1 มกราคม ก่อนหน้าที่ผ่านมา รวมทั้ง ให้คำมั่นประสานรอยร้าว สร้างความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันแก่ประเทศ ที่ถูกฉีกให้ขาดเป็นชิ้น ๆ จากความระหองระแหงทางการเมือง

ภาพข่าวสถานีโทรทัศน์ พบเห็นพวกคนประท้วงฝ่าแนวกั้นเข้าไปยังศาลสูง และ สภา คองเกรส ตะคอกคำคม และก็ ทุบทำลายเครื่องเรือน โดยสื่อมวลชนท้องถิ่นมุ่งมาดว่า มีราษฎรประมาณ 3,000 คน เกี่ยวเนื่องกับเหตุการณ์นี้

โบลโซนารู ซึ่ง นาน ๆ ครั้ง จะออกมากล่าวต่อสาธารณะ นับตั้งแต่แพ้ศึกลงคะแนน ยังไม่ออกมาให้ความคิดเห็นในหัวข้อนี้ เขาเดินทางออกจาก บราซิล มุ่งหน้าเพื่อไปสู่ ฟลอริดา 48 ชั่วโมง ก่อนเสร็จสิ้นวาระการดำรงตำหน่ง และ ไม่ได้เข้าร่วมในพิธีสาบานตนของ ลูลา

“พวกป่าเถื่อนนี้ ได้รับการยุยงผ่านสื่อสังคมออนไลน์ จาก ไมอามี” ลูลา กล่าว อ้างถึง โบลโซนารู “ทุกคนรู้ดีว่าคำพูดต่าง ๆ นานา ของอดีตประธานาธิบดี ยุยงส่งเสริมสิ่งนี้”

เรื่องราวความร้ายแรงในกรุงบราซิเลีย อาจเพิ่มความเสี่ยงด้านกฎหมายแก่ โบลโซนารู ซึ่ง จนถึงตอนนี้ ยังไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการบุกรุก ส่วนทนายของครอบครัว โบลโซนารู ก็ยังไม่ออกมาให้ความคิดเห็นเหมือนกัน

ศาลสูง ถูกรื้อค้น โดยพวกผู้บุกรุก แล้วก็ จากภาพที่เผยแพร่บนสื่อสังคมออนไลน์ พบเห็นพวกผู้คัดค้านตีทำลายบานกระจกของตึกยุคใหม่แห่งนี้ ยิ่งไปกว่านี้แล้ว ในวิดีโอที่เผยแพร่อย่างกว้างขวาง บนสื่อสังคมออนไลน์ ยังประสบพบเห็นตำรวจรายหนึ่งตกจากหลังท้าทาย หลังจากถูกพวกคนประท้วงที่มีไม้เป็นอาวุธไล่ล่า

เลียนแบบสหรัฐฯ

ไอบาเนอิส โรชา ผู้ว่าการ กรุงบราซิเลีย เขียนบนทวิตเตอร์ เผยว่าเขาได้ไล่ออก อันเดอร์สัน ตอร์เรส

เจ้าหน้าที่ควาามมั่นคงระดับที่ถือว่าสูงของเขา ซึ่ง ก่อนหน้านี้เคยเป็นรัฐมนตรียุติธรรม ของ โบลโซนารู เวลาที่ที่ทำการอัยการเผยว่า ได้ยื่นคำร้องขอออกหมายจับ ตอร์เรส ไปแล้วด้วย

รัฐบาลสหรัฐอเมริกา ซึ่ง เรียกร้องมานานยาวนานหลายเดือนให้ โบลโซนารู หยุดหว่านเมล็ดพันธุ์แห่งความข้องใจ ที่ไม่มีมูลต่อผลการเลือกตั้ง ออกมาการันตีอย่างหนักแน่น หนุนหลังการคุ้มครองป้องกันสถาบันประชาธิปไตยของ บราซิล เหมือนกันกับหัวหน้าต่างชาติ คนอื่น

“เราขอประณามการโจมตีทำเนียบ ประธานาธิบดี บราซิล รัฐสภา และ ศาลสูง” แอนโทนี บลินเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ เขียนบนทวิตเตอร์ “การใช้ความรุนแรงโจมตีสถาบันประชาธิปไตย เป็นสิ่งที่ไม่อาจยอมรับได้ เราร่วมกับ ลูลา เรียกร้องให้หยุดการกระทำดังกล่าว ในทันที”

รายงานของรอยเตอร์ระบุว่า ในกรุงวอชิงตัน ปี 2021 พวกผู้สนับสนุนของทรัมป์ จู่โจมตำรวจ ฝ่าแนวกัน แล้วก็ บุกเข้าไปในอาคารรัฐสภา ในความมานะบากบั่นขวางรัฐสภา ไม่ให้ยืนยันชัยในศึกลงคะแนนปี 2020 ของ โจ ไบเดน แต่ประสบความล้มเหลว

ทรัมป์ บีบคั้นให้ ไมค์ เพนซื รองประธานาธิบดีของเขา ไม่รับรองการโหวตของสภานิติบัญญัติ รวมทั้ง ยังคงกล่าวอ้างว่า เขาถูกลักขโมยผลของการลงคะแนนเสียงในปี 2020 ผ่านการคดโกงอย่างกว้างใหญ่

แทงเด็ก

โหดไปไหม เด็ก 15 กระหน่ำ แทงเด็ก 16 ดับคาตลาด เหตุแค่มองหน้า ไม่รู้จักกันมาก่อน

เด็ก 15 ให้รุ่นน้องไปซื้อมีด ก่อนใช้มีดรัว แทงเด็ก 16 ดับคาตลาด เหตุแค่มองหน้า ทั้งที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน

จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งโพสต์คลิปพร้อมเจาะจงเนื้อความไว้ว่า “ญาติพี่น้องใคร โดนแทงที่ตลาดนกฮูกครับ ชื่อโตโต้ บ้านอยู่ท่าทรายครับ ล่าสุดเสียชีวิตแล้ว รพ.พระนั่งเกล้านนทบุรีครับ ขอแสดงความเสียใจด้วยครับ”

ล่าสุดเมื่อเวลา 22.00 น. (4 ม.ค. 66) ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่บริเวณซอกซอย ทานสัมฤทธิ์ เจอ น.ส. เอ (นามสมมุติ) อายุ 16 ปี และนายบี (นามสมมุติ) อายุ 15 ปี เพื่อนคนเสียชีวิตที่อยู่ในเหตุการณ์ เพื่อสอบถามกรณีดังกล่าว ทราบว่าในกลุ่มเพื่อนราว 10 คน มีการนัดกันไปเดินเที่ยวที่ ตลาดนกฮูก 1 แต่ถูกกลุ่มคู่กรณีไม่รู้จักกันมาก่อนประมาณ 9 คน โดยมีนาย พี (นามสมมติ) อายุ 15 ปี ผู้ก่อเหตุ วิ่งเข้ามาใช้มีดแทงนาย โตโต้ (นามสมมติ) อายุ 16 ปี เสียชีวิต สาเหตุเพียงแค่มองหน้า และมีการพูดท้าทายกัน ซึ่งเหตุเกิดวันที่ 3 ม.ค. 66 เวลาราว 20.30 น. เเถวๆตลาดนกฮูก 1 เลี่ยงเมืองนนทบุรี

จากการสอบถามนางสาว เอ (นามสมมุติ) อายุ 16 ปี เพื่อนคนเสียชีวิต เล่าว่า เหตุเกิดเมื่อวานนี้ราวๆ 2 ทุ่ม ตนกับเพื่อนๆไปเดิน จับจ่ายซื้อของที่ ตลาดนกฮูก และพบวัยรุ่นที่ก่อเหตุ ได้มีการมองหน้ากัน ซึ่งตนบอกกับเพื่อนให้รีบซื้อของ และกลับด้วยเหตุว่าไม่ได้อยากต้องการมีเรื่อง คู่กรณีก็ยังเดินตามมามองหน้า เดินแยกโซนไปก็เดินมาเจอ และมองหน้าอีก

แทงเด็ก ดับคาตลาด

ทีนี้เลยเกิดการท้าทายทายกัน ทางวัยรุ่นคู่กรณีเล่นทีเผลออาศัยจังหวะที่พวกตนหันหลังเอามีดมา แทงเด็ก คนเสียชีวิต

ตนยืนยันว่า ไม่เคยรู้จักกลุ่มวัยรุ่นคู่กรณี ตนตกใจที่เกิดเรื่อง และมาทำเพื่อนแบบนี้ แค่จะมาซื้อของ และไปเที่ยวกันแล้วเพื่อนมาเสียชีวิต โดนแทงด้านหลัง ซี่โครง หัวไหล่ และเอว ประมาณ 6 แผล เหตุเกิดตรงศูนย์อาหารก่อนและมาเสียชีวิตตรงทางออกด้านหน้า ตรงแถวตู้เอทีเอ็ม

ซึ่งงานศพของ โตโต้ จะมีการสวดบำเพ็ญกุศล 3 คืน ที่ วัดชมภูเวก เผาศพวันที่ 7 เดือนมกราคม 66

นาย บี (นามสมมุติ) อายุ 15 ปี อยู่ในเหตุการณ์ เล่าว่า ตนเดินตามกลุ่มเพื่อนไปเพื่อจ่ายตลาดในตลาดนกฮูก พอพบคู่กรณีเขาก็มา แทงเพื่อนตน กลุ่มก็แตกกระเจิงวิ่งหนีกันไป เพื่อนของตนที่ตายวิ่งตามตนมา ตนเลยถามว่าเป็นอะไรมั้ย แต่คนเสียชีวิตไม่ตอบ แล้วเพื่อนของตัวเองก็วิ่งไปล้มตรงทางออกตลาด ตนก็เลยได้เห็นแผลของเพื่อน ที่โดนแทง หลังแล้วหลังจากนั้นตนเรียกคนมาช่วย ตอนแรกจะเอาเพื่อนขึ้นรถมอเตอร์ไซค์ไปโรงพยาบาล แต่ รปภ.ที่ตลาดบอกว่าให้นอนคอยรถพยาบาลอยู่ตรงนี้ ตนรู้สึกว่าสาเหตุเกิดจากการมองหน้ากัน และท้า มองกันไปมองกันมา ตนไม่รู้จักกลุ่มของคู่กรณี

ตลาด

มีดที่ก่อเหตุน่าจะเป็นมีดทำกับข้าว คู่กรณีแทงเพื่อนตนโดยประมาณ 5-6 แผล

กลุ่มวัยรุ่นผู้ก่อเหตุมากัน 9 คน ตอนนี้โดนตำรวจจับไปแล้ว 6 คน เหลืออีก 3 คน ซึ่งตนต้องการให้ ตำรวจตามจับให้หมด อยากที่จะให้ คู่กรณีมาขอโทษ ขอขมาศพ ไม่คิดจะไปแก้เผ็ด

วันที่เกิดเหตุมีเพื่อนอีกคนที่โดนกลุ่มวัยรุ่นคู่กรณี เอามีดมาชี้หน้าและบอกว่า “มึงสดหรอ มึงเก๋าหรอ” คนแถวนั้นเลย มาดึงแยกกัน กลุ่มคู่กรณีคงจะ อายุประมาณ 17-18 ปี เพราะว่าพวกเขาดูโตกว่า

จากการสอบถาม นางสาว นารีรัตน์ อายุ 25 ปี แม่ค้าในตลาด คนเห็นเหตุการณ์ เล่าว่า เหตุเกิดเมื่อวานนี้ ตอนเกือบ 3 ทุ่ม กลุ่มวัยรุ่นที่เสียชีวิตมาเป็นกลุ่มเด็กๆคนจำนวนไม่น้อย แต่ตนไม่เห็นกลุ่มวัยรุ่นที่ก่อเหตุ มีคนภายในตลาด กล่าวว่าเขาจับได้เลยแต่ตนมองไม่เห็นตอนนั้น คนที่วิ่งมานี้ไม่มีอาวุธ แต่มองเห็นแผลที่หลัง 3 จุด ตรงซี่โครงด้านข้าง และตรงแขน

ราวกับ ผู้ตายโดนแทงจากด้านหลัง ราวๆ 5 แผล ตนก็พึ่งจะเคยพบเหตุการณ์ที่เสียชีวิตครั้งแรก ตอนนั้นตนไม่ได้กลัวแต่ตกใจ พอทราบดีว่าน้องเขาเสียชีวิต กลุ่มวัยรุ่นที่เสียชีวิตเขาวิ่งมาทางร้านตน และล้มตรงรอบๆทางออกตลาด ตนเป็นคนล้างรอยเลือดตรงที่เกิดเหตุไปแล้วตั้งแต่เมื่อวานนี้

ด้าน นาย พี (นามสมมติ) ผู้ก่อเหตุ บอกว่า คนที่ตายเดินถือมีดมาแล้วกล่าวว่าใครเก๋าวะ ตนก็เลยยอมรับว่าตนเป็นคนแทง ก่อนแทงตนได้ให้รุ่นน้องไปซื้อมีดในตลาดมา เป็นมีดสั้นมีดทำครัว

เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ชุดสืบสวน สภ.รัตนาธิเบศร์ สามารถจับ ผู้ร้ายได้แล้วในวันเกิดเหตุ 6 คน โดยมี นาย พี (นามสมมติ) อายุ 15 ปี เป็นมือแทง ซึ่งยังเหลือผู้ต้องหาอีก 3 คนที่แอบหนีอยู่ยังไม่สามารถจับได้

ฟันฮิปโป

ฟันฮิปโป กำลังกลายเป็นชิ้นส่วนจากสัตว์ป่าที่นักลักลอบสนใจค้าแทนงาช้าง

ฟันฮิปโป นักเคลื่อนไหวด้านสัตว์ป่าเตือนว่า ความจำกัดที่เอาจริงเอาจังเยอะขึ้นต่อการลักลอบค้างาช้างได้นำมาซึ่งการค้าฟันฮิปโปโปเตมัสเยอะขึ้นเรื่อยๆ โดยบางทีก็อาจจะทำให้เกิดผลเสียอย่างรุนแรงต่อฮิปโปโปเตมัสสายพันธุ์ที่ได้รับการลงบัญชีว่า “มีแนวโน้มใกล้สิ้นซาก” (vulnerable to extinction)

ในช่วงเวลาที่สหราชอาณาจักรประกาศการห้ามการค้างาเกือบทั้งหมดเมื่อเดือน มิ.ย. ก่อนหน้าที่ผ่านมา องค์กรการกุศลด้านความปลอดภัยสัตว์ป่าได้ศึกษาความเคลื่อนไหวในตลาดออนไลน์ที่มีการใช้งานกันอย่างแพร่หลาย

ฟันฮิปโป ฮิปโปโปเตมัส

“เราเจอการค้าฟันฮิปโปโปเตมัสเพิ่มขึ้นเรื่อยๆในสหราชอาณาจักร”

ในช่วงหนึ่งเดือนหลังจากการห้ามการค้างาช้างเกือบทั้งหมดมีผลบังคับใช้ แฟรงกี โอซูก หัวหน้าการเขียนรายงานที่เผยแพร่โดยบอร์น ฟรี (Born Free) เมื่อเดือน ก.ย. กล่าว

นี่คือ “หลักฐานที่น่ากังวลอย่างยิ่งว่า มีความต้องการฟันฮิปโปโปเตมัสเพิ่มขึ้น ซึ่งจำนวนฮิปโปโปเตมัสตามธรรมชาติก็พบเจอกับการคุกคามอยู่” รายงานกำหนด

บรรดานักค้นคว้าระบุว่า รูปแบบนี้คล้ายกับสิ่งที่เกิดขึ้นในปี 1989 ซึ่งทั่วทั้งโลกเห็นด้วยด้วยกันสำหรับการห้ามการค้างาเป็นครั้งแรก และก็มีความเข้มงวดขึ้น เพราะเหตุว่ารัฐบาลต่างๆได้เอามาตรการใหม่ๆมาใช้สำหรับเพื่อการห้าม

เหมือนกับงา ฟันรวมทั้งเขี้ยวของฮิปโปมักถูกใช้เพื่อสำหรับในการสลักเพื่อนำไปตกแต่งตกแต่ง แต่ของพวกนั้นราคาถูกกว่า แล้วก็หามาครองได้ง่ายดายกว่า

ส่วนต่างๆของฮิปโปยังสามารถนำไปขายภายใต้อนุสัญญากล่าวถึงการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งชนิดสัตว์ป่าแล้วก็พืชป่าที่ใกล้จะสูญพันธุ์ (Convention on International Trade in Endangered Species of Wild Fauna and Flora –CITES) หรือ ไซเตส ได้ด้วย แต่ว่าการขายในต่างแดนจะต้องมีใบอนุญาตการส่งออก

นักเคลื่อนไหวด้านสัตว์ป่าเตือนว่า ข้อกำหนดที่เคร่งครัดมากขึ้นเรื่อยๆต่อการลักลอบค้างาช้างได้ทำให้เกิดการค้าฟันฮิปโปโปเตมัสมากเพิ่มขึ้น โดยบางทีก็อาจจะมีผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อฮิปโปโปเตมัสสายพันธุ์ที่ได้รับการขึ้นบัญชีว่า “มีแนวโน้มใกล้สิ้นพันธุ์” (vulnerable to extinction)

ขณะที่สหราชอาณาจักรประกาศการห้ามการค้างาช้างเกือบทั้งหมดเมื่อเดือน มิ.ย. ก่อนหน้าที่ผ่านมา องค์กรการกุศลด้านความสะดวกและปลอดภัยสัตว์ป่าได้ศึกษาเล่าเรียนความเคลื่อนไหวในตลาดออนไลน์ที่มีการใช้งานกันอย่างแพร่หลาย

“พวกเราเจอการค้าฟันฮิปโปโปเตมัสเยอะขึ้นเรื่อยๆในสหราชอาณาจักร ในช่วงหนึ่งเดือนหลังจากการห้ามการค้างาช้างเกือบทั้งหมดมีผลบังคับใช้” แฟรงกี โอซูก หัวหน้าการเขียนรายงานที่เผยแพร่โดยบอร์น ฟรี (Born Free) เมื่อเดือน ก.ย. กล่าว

นี่คือ “หลักฐานที่น่าวิตกอย่างยิ่งว่า มีความต้องการฟันฮิปโปโปเตมัสเพิ่มขึ้น ซึ่งปริมาณฮิปโปโปเตมัสตามธรรมชาติก็เผชิญกับการคุกคามอยู่” รายงานกำหนด

ฟันฮิปโป งาช้าง

บรรดานักค้นคว้ากล่าวว่า รูปแบบนี้คล้ายกับสิ่งที่เกิดขึ้นในปี 1989

ซึ่งทั่วทั้งโลกเห็นด้วยร่วมกันสำหรับเพื่อการห้ามการค้างาเป็นครั้งแรก และมีความเข้มงวดขึ้น เพราะเหตุว่ารัฐบาลต่างๆได้เอามาตรการใหม่ๆมาใช้เพื่อการห้าม

เหมือนกับงาช้าง ฟันแล้วก็เขี้ยวของฮิปโปมักถูกใช้สำหรับการแกะสลักเพื่อนำไปเสริมแต่งตกแต่ง แม้กระนั้นของพวกนั้นราคาถูกกว่า รวมทั้งหามาครอบครองได้ง่ายดายเสียยิ่งกว่า

ส่วนต่างๆของฮิปโปโปเตมัสยังสามารถนำไปขายภายใต้อนุสัญญากล่าวถึงการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งชนิดสัตว์ป่าและก็พืชป่าที่ใกล้จะสูญพันธุ์ (Convention on International Trade in Endangered Species of Wild Fauna and Flora –CITES) หรือ ไซเตส ได้ด้วย แต่ว่าการขายในต่างประเทศจะต้องมีใบอนุมัติการส่งออก

ชาติในแอฟริกากลางและตะวันตก 10 ชาตินี้ก็เลยได้เสนอหนทางที่เรียกว่า “ความคิดเห็นประกอบ” ซึ่งจะส่งผลให้มีการกำหนดโควตาเป็นศูนย์ในการค้าตัวอย่างสัตว์ป่าเพื่อเป้าประสงค์ทางการค้า แต่ข้อแนะนำนี้ไม่ได้รับการผลักดันจากสหภาพยุโรป หรือจากชาติต่างๆในแอฟริกาใต้แล้วก็ตะวันออก ซึ่งบอกว่า จำนวนประชากรฮิปโปยังคงอยู่ในระดับที่ดี

บางประเทศในแอฟริกาใต้รวมทั้งตะวันออก เช่น แทนซาเนีย, ยูกันดา, แซมเบีย แล้วก็ซิมบับเว ยังเป็นที่มาของฮิปโปโปเตมัสราว 3 ใน 4 จากจำนวน 13,909 ตัว ที่ถูกนำชิ้นส่วนและผลิตภัณฑ์ต่างๆจากฮิปโปเหล่านี้ไปขายระหว่างปี 2009-2018

โจอันนา สวาเบ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายประชาสัมพันธ์ของสัมพันธ์มนุษยธรรมนานาชาติ (Humane Society International) ชี้ว่า แทบไม่มีการปฏิบัติการอะไรก็ตามตั้งแต่ปี 2016 เพื่อรักษาจำนวนฮิปโปโปเตมัส

“เกือบจะไม่มีการศึกษาทำการค้นคว้าและวิจัยด้านวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับจำนวนประชากรที่แท้จริงของฮิปโปโปเตมัสในประเทศต่างๆเหล่านี้เลย” เธอกล่าว

“ในตอนที่ในเวลาเดียวกัน ประเทศเหล่านี้รู้ดีว่า กำลังเกิดอะไรขึ้นอยู่กับฮิปโปภายในดินแดนของตนเอง โดยเหตุนี้ พวกเขาไม่ควรนิ่งเฉย”

ฮิปโปโปเตมัสมีอัตราการเกิดต่ำ โดยคลอดลูกเพียง 1 ตัวในแต่ละปี ด้วยเหตุนั้นการมีปริมาณประชากรฮิปโปโปเตมัสที่ต่ำลงอาจมีผลเสียในระยะยาวได้

ฮิปโป

ฟันฮิปโป ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับฮิปโป

ฮิปโปโปเตมัสทุกตัวอาศัยอยู่ในแอฟริกา โดยมี 2 ชนิดคือ ฮิปโปโปเตมัสธรรมดา (common hippo) ซึ่งคาดว่า มีประชากรราว 115,000-130,000 ในปี 2016 แล้วก็ฮิปโปโปเตมัสแคระ (pygmy hippo) ซึ่งมีประชากรราว 2,000-3,000 ตัว

ฮิปโปโปเตมัสธรรมดาจัดอยู่ในประเภท “มีแนวโน้มใกล้สูญพันธุ์” ในบัญชีแดงของสหภาพนานาชาติเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติในปี 2016

มีการค้าชิ้นส่วนรวมทั้งสินค้าต่างๆของฮิปโปโปเตมัส 13,909 ตัว อย่างถูกตามกฎหมาย ระหว่างปี 2009-2018 โดย 3 ใน 4 ของฮิปโปเหล่านี้มีต้นกำเนิดอยู่ในแทนซาเนีย, ยูกันดา, แซมเบีย แล้วก็ซิมบับเว

มีการค้าฟันฮิปโปโปเตมัสอย่างถูกตามกฎหมายน้ำหนักรวม 770,000 กก. ระหว่างปี 1975-2017 แม้กระนั้นไม่เคยรู้จำนวนการค้าอย่างไม่ถูกกฎหมาย

ผู้เชี่ยวชาญด้านสัตว์ป่ากล่าวเพราะว่า จำเป็นจะต้องจับตาดูการค้าฟันฮิปโปทั้งๆที่ถูกตามกฎหมายและไม่ถูกกฎหมายอย่างใกล้ชิด

ฮิปโปโปเตมัสธรรมดาถูกขึ้นบัญชีในภาคผนวกที่ 2 ของไซเตส ซึ่งแปลว่า บางทีก็อาจจะสูญพันธุ์ได้ ถ้าเกิดไม่มีการควบคุมการค้าอย่างเข้มงวด

10 ประเทศดังที่กล่าวถึงแล้ว ซึ่งกำลังพยายามให้มีการห้ามการค้าฟันฮิปโปโปเตมัสทั้งโลก ระบุว่า มีหลักฐานที่แจ่มชัดว่า “มีการปนเปกันระหว่างฟันฮิปโปโปเตมัสผิดกฎหมายและก็ถูกต้องตามกฎหมาย” ทำให้ฟันฮิปโปโปเตมัสที่ถูกลักลอบล่า “ถูกนำไปฟอกเพื่อนำไปขายในตลาดถูกกฎหมาย”

หากว่าไม่มีการควบคุมอย่างเข้มงวดเยอะขึ้น นักเคลื่อนไหวเตือนว่า ฮิปโปอาจจะเป็นไปได้ว่าจะมีชะตาชีวิตเช่นเดียวกับช้าง ซึ่งกลายเป็นสัตว์ที่ใกล้สิ้นพันธุ์ (endangered) หรือใกล้สูญพันธุ์อย่างยิ่ง (critically endangered) ในกรณีของช้างป่าแอฟริกา ด้วยเหตุว่าผู้ลักลอบล่าสัตว์ได้ฆ่าช้างป่าเหล่านี้จำนวนมากเพื่อเอางาของพวกมัน

ขอขอบคุณสำนักข่าว BBC

เอนโซ่ เฟอร์นานเดส อาร์เจนติน่า

อาร์เจนติน่า ได้แชมป์ฟุตบอลโลกสมัยที่ 3 ไปครองสมใจ

อาร์เจนติน่า ‘เมสซี่’ ทำสถิติเล่นบอลโลกมากสุด 26 นัด-คนแรกยิงได้ทุกรอบ

ลิโอเนล เมสซี่ สตาร์ทีมชาติอาร์เจนติน่า ทุบสถิติกลายเป็นนักเตะที่ลงสนามในบอลโลกเยอะที่สุด รวมทั้งกลายเป็นนักฟุตบอลคนแรกที่ยิงได้ทุกรอบของการเล่นบอลโลก

เมสซี่ ได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงในเกมนัดชิงชนะเลิศที่สนาม ลูเซล สเตเดี้ยม กลายเป็นนัดที่ 26 ในบอลโลกและทำลายสถิติเดิมของ โลธาร์ มัตเธอุส ที่ผ่านการเล่นในฟุตบอลโลกมา 25 เกม

เมสซี่ เปิดฉากสนามในศึกบอลโลกตั้งแต่อายุ 18 ด้วยการลงเป็นสำรองและทำประตูได้ในเกมอาร์เจนติน่า เอาชนะ เซอร์เบีย แอนด์ มอนเตเนโกร ในรอบแบ่งกลุ่มฟุตบอลโลก 2006

เขายังเป็นนักฟุตบอลอาร์เจนไตน์รายแรกที่ลงเล่นบอลโลกมา 5 สมัย แล้วนับจากฟุตบอลโลก 2010 เป็นต้นมา, เขายังลงเล่นเกมของอาร์เจนติน่า มาทุกนัดรวมทั้งการนำทีมเข้าชิงในปี 2014 ด้วย

สำหรับ มัตเธอุส นั้นผ่านการลงสนามในบอลโลกมา 5 สมัยเช่นกัน, ตั้งแต่ปี 1982 จนถึงปี 1998 รวมถึงการเป็นกัปตันพาทีมชาติ เยอรมนี ครอบครองแชมป์ในปี 1990

มิโรสลาฟ โคลเซ่ ตามมาเป็นอันดับ 3 ที่ 24 เกมและ เปาโล มัลดินี่ ครองอันดับ 4 หลังผ่านการเล่นบอลโลกมา 23 นัด

นอกนั้น เมสซี่ ยังทำสถิติเป็นนักเตะคนแรกที่ทำประตูได้ในรอบแบ่งกลุ่ม, รอบ 16 ทีมสุดท้าย, รอบก่อนรองชนะเลิศ, รอบรองชนะเลิศและรองชิงชนะเลิศ ภายในบอลโลกทีเดียว

เขายิงจุดลูกโทษให้ “ฟ้าขาว” ออกนำในเกมพบกับ ฝรั่งเศส นอกเหนือจากนั้นยังทำประตูได้สำหรับในการพบกับ ประเทศออสเตรเลีย, เนเธอร์แลนด์ และ โครเอเชีย ตลอดเส้นทางในรอบน็อคเอาท์

สตาร์ของ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ยังทำประตูสำหรับในการพบกับ ซาอุดิ อาระเบีย และ เม็กซิโก ตอนเล่นรอบแบ่งกลุ่มด้วย

เมสซี่ ตำนานอาร์เจนติน่า GOAT อาร์เจนติน่า

‘แฟร์นานเดซ’ โดดเด่น คว้าดาวรุ่งยอดเยี่ยมบอลโลก

เอนโซ่ แฟร์นานเดซ ผงาดเอารางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยมบอลโลก 2022 เอาชนะดาวเด่นเชื้อสายใหม่อย่าง จู๊ด เบลลิ่งแฮม, ออเรลิยอง ยกอาเมนี่ และ ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ

เอนโซ่ แฟร์นานเดซ ได้รับความไว้วางใจให้ยืนเป็นตัวหลักในแผนแดนกึ่งกลางของอาร์เจนติน่าในทัวร์นาเมนต์นี้ ผลงานสม่ำเสมอตลอด มีส่วนสำคัญช่วยพาอาร์เจนติน่าสู่ตำแหน่งแชมป์โลกได้ หลังเอาชนะฝรั่งเศส ในการดวลจุดลูกโทษ หลังเท่ากันใน 120 นาที 3-3

มิดฟิลด์ วัย 21 ปี จาก เบนฟิก้า ได้รับ เลือก ให้ รับรางวัล ก่อนหน้า เบลลิ่งแฮม ของอังกฤษ, ออเรลิยอง ของฝรั่งเศส และ ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ เพื่อนร่วมทีมที่ยิงไป 4 ประตู

เอนโซ่ แฟร์นานเดซ เอารางวัลนี้ตามหลัง คิลิยัน เอ็มบัปเป้ ที่เคยได้รับในปี 2018, ปอล ป็อกบา (2014), โธมัส มุลเลอร์ (2010) และ ลูคัส โพดอลสกี้ (2006)

นอกนั้นเพื่อนร่วมทีมของเขาอย่าง เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ ยังได้รับเลือกให้เป็นผู้เฝ้าประตูยอดเยี่ยม และ ลิโอเนล เมสซี่ เป็นผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเมนต์

มีเพียง คิลิยัน เอ็มบัปเป้ เพียงคนเดียว เท่านั้น ที่ ไม่ได้ มาจาก ทีมชาติ อาร์เจนติน่า หลังศูนย์หน้าทีมชาติฝรั่งเศส คว้ารางวัลดาวซัลโวสุงสุด หลังยิงไป 8 ประตู

มาร์ติเนส อาร์เจนติน่า

อยากให้เพื่อนผ่อนคลาย! ‘มาร์ติเนซ’ เฉลยสาเหตุเต้นตอนเซฟโทษ

เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ เปิดเผยว่าเขาอยากให้เพื่อนร่วมทีมหายตื่นเต้น หลังจากแดนซ์ตอนเซฟจุดโทษได้ระหว่างเกมที่อาร์เจนติน่า เอาชนะ ประเทศฝรั่งเศส ในศึกบอลโลก 2022 นัดชิงแชมป์ เมื่อคืนที่ผ่านมา

มาร์ติเนซ จัดไป 2 เซฟในการดวลจุดโทษ หลังจากเท่ากัน 3-3 ในเวลา 120 นาที ก่อนที่อาร์เจนติน่า ชนะไปด้วยสกอร์ 4-2 ในเกมลูซาอิล สเตเดี้ยม

นายด่านแอสตัน วิลล่า ฉลองเซฟจุดโทษด้วยท่าเต้นสุดกวน อย่างไรก็ตามเขากล่าวมาว่าทำไปเพื่อให้เพื่อนร่วมทีมมีความมั่นใจเท่านั้น

มาร์ติเนซ กล่าวว่า “ผมได้ทำในสิ่งที่ฝันถึง มันเป็นช่วงเวลาที่ผมต้องให้เพื่อนร่วมทีมรู้สึกผ่อนคลาย”

” ผม น่าจะ เซฟ ไว้ ได้ (จุดโทษของเอ็มบาปเป้) เช่นกัน , ผม พุ่ง ได้ แย่ แต่ ผม ก็ ทำ ทุกอย่าง ถูกต้อง แล้ว “

“ผมไม่รู้จะอธิบายอย่างไร ผมใจเย็นระหว่างดวลจุดโทษ และทุกอย่างเป็นไปตามที่เราต้องการ”

“ทุกสิ่งที่ผมฝันไว้สำเร็จแล้ว”

ทั้งนี้ มาร์ติเนซ ถูกเลือกให้เป็นผู้รักษาประตูยอดเยี่ยม ประจำศึกฟุตบอลโลก 2022 โดยเก็บคลีนชีทได้ 3 จากทั้งหมด 7 นัด เสียไป 8 ประตู

อาร์เจนติน่า บอลโลก 2022

อาร์เจนติน่า สมบูรณ์แบบ! ‘เมสซี่’ รับรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมบอลโลก

ลีโอเนล เมสซี่ กัปตันทีมชาติอาร์เจนติน่า ถูกเลือกให้เป็นผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำศึกบอลโลก 2022 รับรางวัลลูกฟุตบอลทองคำไปครอง

เมสซี่ ลงเล่นฟุตบอลโลกครั้งนี้ทั้งหมด 7 นัดแบบครบทุกวินาที ทำผลงาน 7 ประตู 3 แอสซิสต์พร้อมเป็นคนสำคัญช่วยให้ “ฟ้าขาว” คว้าแชมป์โลกสมัยแรกในรอบ 36 ปี

แข้งวัย 35 ปีพลาดตำแหน่งดาวซัลโวไปเพราะเหตุว่ายิงน้อยกว่า คิลิยัน เอ็มบัปเป้ กองหน้าประเทศฝรั่งเศส 1 ประตู อย่างไรก็ตามฟอร์มของ เมสซี่ ทำให้เขาถูกเลือกให้เป็นผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเมนต์นี้

เมสซี่ เป็นคนแรกในประวัติศาสตร์ที่คว้ารางวัลลูกฟุตบอลทองคำได้สองครั้ง หลังจากเคยทำได้ในบอลโลกปี 2014 ที่ประเทศ บราซิล ซึ่งอาร์เจนติน่า เป็นรองแชมป์

สำหรับอันดับสองของขวัญนี้ ฟีฟ่า เลือกให้เป็นของ เอ็มบัปเป้ ดาวซัลโวประจำรายการผู้คว้ารองแชมป์กับ “ตราไก่”

ขณะที่ ลูก้า โมดริช จอมทัพแห่ง โครเอเชีย ผู้เป็นเจ้าของรางวัลนี้ในศึกบอลโลกครั้งที่แล้ว คราวนี้ถูกเลือกให้เป็นอันดับสาม

โควิด 19

การระบาดโควิดระลอกใหม่น่ากังวลแค่ไหน

โควิด 19 ถึงแม้โควิด-19 จะถูกประกาศให้เป็นโรคประจำถิ่นไปแล้วเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม และปรับให้เป็นโรคติดต่อที่จำเป็นต้องเฝ้าระวัง แม้กระนั้นดูเหมือนเหตุการณ์การระบาดกลับน่าห่วงขึ้นมาอีกรอบนับตั้งแต่สิ้นเดือน พฤศจิกายน ก่อนหน้าที่ผ่านมา ช่วงนี้ คนเสียชีวิตเฉลี่ยรายวัน เพิ่มเป็น 15 คนแล้ว

ข้อมูลของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขเมื่อสัปดาห์ก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา ระบุว่า เหตุการณ์โรคโควิด-19 ประเทศไทยยังมีทิศทางมากขึ้น และมีคนตายเฉลี่ยยังเพิ่มสูง โดยคนตายทุกรายยังอยู่ในกลุ่ม 608 และเกือบทั้งหมดไม่ได้รับวัคซีน ได้รับวัคซีนไม่ครบ หรือได้รับเข็มกระตุ้นนานเกินกว่า 3 เดือนแล้ว

อย่างไรก็แล้วแต่ นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เผยออกมาว่า เหตุการณ์ดูเหมือนจะเริ่มชะลอตัวลง แล้วก็ระบบสาธารณสุขยังรองรับได้

ฐานข้อมูลย้อนหลังของกระทรวงสาธารณสุขนับตั้งแต่อาทิตย์ที่ 46 (13-19 เดือนพฤศจิกายน) ตัวเลขผู้ติดโรคเฉลี่ยทยอยเพิ่มขึ้นจากอาทิตย์ก่อนหน้า จาก 452 คน เป็น 565 คน ในช่วงเวลาที่ยอดผู้ตายเฉลี่ยก็เพิ่มจาก 6 คน เป็น 9 คน

ในสัปดาห์ที่ 47 (20-26 พ.ย.) ผู้ติดเชื้อเฉลี่ยเพิ่มขึ้นเป็น 702 คน และสัปดาห์ที่ 48 (27 พ.ย.-3 ธ.ค.) ปรับลดลงเป็น 612 คน และสัปดาห์ล่าสุด (4-10 ธ.ค.) ลดลงมาเป็น 566 คน

แต่ในแง่ของจำนวนผู้เสียชีวิตเฉลี่ยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นชัดเจน นับตั้งแต่สัปดาห์ที่ 46 จาก 9 คน เพิ่มขึ้นเป็น 10 คน และ 15 คน ตามลำดับ จนตัวเลขชะลอตัวในสัปดาห์ล่าสุดยังคงอยู่ที่ตัวเลขเฉลี่ย 15 คน

โควิด 19 โควิดสายพันธุ์อินเดีย

โควิด 19 สถานการณ์ตอนนี้เป็นเช่นไร

หมอมีชื่อเสียงหลายคนได้มีความคิดเห็นต่อสถานการณ์การระบาดในขณะนี้ว่า ยังคงน่าจับตาเพราะยังมีความไม่แน่นอน ขณะเดียวกันยังใกล้กับช่วงเทศกาลที่มีคนเดินทางและก็จัดงานครึกโครม ซึ่งอาจจะส่งผลให้การระบาดเพิ่มสูงขึ้นอีก

รองศาสตราจารย์นพ. ธีระ วรธนารัตน์ จากคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยโพสต์เฟซบุ๊กถึงเหตุการณ์โควิด-19 โดยประเมินว่า ช่วงนี้ สถานการณ์นับว่า “พีคสูงกว่าระลอกสามในปีที่แล้วของอัลฟาและเดลตา รวมทั้ง… พีคสูสีกับระลอกช่วงครึ่งปีแรก ดังนั้น ก็เลยย้ำเสมอว่าไม่ใช่เวฟเล็ก รอบข้างมีการติดกันรัว”

นอกจากนั้น รศ.นพ. ธีระ ยังมีความเห็นว่า ยังจัดว่าตอบได้ยาก ว่าความผันผวนจะทวีความรุนแรงมากยิ่งกว่าปัจจุบันไหม รวมทั้งจะลงช้าเร็วเพียงใด จากการใช้ชีวิตเสรีในหน้าเทศกาล ถ้าไม่ป้องกันภัย

สถานการณ์โควิด “ศึก” นี้ จะไม่จบสิ้นไปกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลก และก็ได้โอกาสยืดไปจนกระทั่งเกิดปะทุซ้ำเติมจากสายพันธุ์ย่อยอื่นๆได้แก่ BQ.1.1, XBB, CH.1.1 ได้ ก็จะก่อให้คล้ายกับระลอกสามที่อัลฟาเอามาก่อน แล้วก็ยังไม่ทันลงก็มีเดลตาเข้ามาซ้ำ

การตระหนักรู้ถึงสถานการณ์ และช่วยกันป้องกันตัวจึงสำคัญมาก

จับตาสายพันธุ์ใหม่จากอินเดีย

ท่ามกลางความกังวลใจของการระบาดในระลอกปัจจุบัน มีคำเตือนจากหมอจากโรงพยาบาลวิชัยยุทธถึงความน่าจะเป็นไปได้ที่เชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่จากอินเดียจะเข้ามาระบาดในไทย เช่นเดียวกันกับกรณีที่เคยเกิดขึ้นเมื่อสิ้นปี 2563 ที่เชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา ซึ่งพบคราวแรกในประเทศประเทศอินเดีย รวมทั้งแพร่กระจายอย่างรวดเร็วทันใจแล้วก็เกิดการระบาดใหญ่ทั่วทั้งโลก และก็ในไทยเมื่อกลางปี พ.ศ.2564

นพ. มนูญ ลีเชวงวงศ์ หัวหน้าห้องไอซียูเฉพาะทางด้านโรคระบบการหายใจ คนป่วยหนัก และโรคคนแก่ ประจำโรงพยาบาลวิชัยยุทธ โพสต์เนื้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ประเทศไทยจำเป็นต้องจับตาเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์ที่กำลังแพร่ระบาดในประเทศประเทศอินเดีย เพราะว่าหลายหนที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิดกลายพันธุ์ตัวใหม่ในประเทศประเทศอินเดีย หลังแล้วหลังจากนั้นอีกไม่นานก็เจอการแพร่ระบาดของเชื้อสายจำพวกนั้นในประเทศไทย

โควิด 19 วัคซีนตัวใหม่

สำหรับเชื้อไวรัสตัวล่าสุดที่ต้องจับตา คือ เชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์ XBB

ซึ่งเป็นลูกผสมของเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์ BA.2.10.1 กับ BA.2.75 โดยเชื่อว่าอีกไม่นาน ก็จะแทนที่สายพันธุ์ BA.2.75 ในประเทศอินเดีย

“ประเทศไทยเตรียมตัวได้เลยว่า หลังการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์ BA.2.75 อีกไม่นานก็จะมีสายพันธุ์ XBB แพร่ระบาดเหมือนประเทศอินเดีย” เพราะสายพันธุ์ใหม่นี้ติดต่อกันง่ายกว่าสายพันธุ์เดิม และหลบหลีกภูมิคุ้มกันไม่ว่าจากการฉีดวัคซีนหรือการติดเชื้อธรรมชาติได้ดีกว่าสายพันธุ์เดิม

นพ. มนูญ ยังระบุอีกว่า ปัจจุบันไวรัสโควิดสายพันธุ์ใหม่ใช้เวลาสั้นกว่าเดิม เพียง 3-4 เดือน ก็เข้ามาแทนที่สายพันธุ์เดิม แล้วก็ทำให้เกิดการระบาดใหญ่ระลอกใหม่ซ้ำแล้วซ้ำอีกไปทั่วทั้งโลก

อย่างไรก็ตาม เชื้อไวรัส โควิด สายพันธุ์ ใหม่ ๆ ไม่ ได้ ทำให้ คนป่วยหนักและเสียชีวิตเหมือนสายพันธุ์เดลตา โดยยิ่งไปกว่านั้นในคนที่ได้รับวัคซีน 4 เข็ม คือได้วัคซีนครบ 2 โดสและและก็ตามด้วยเข็มกระตุ้นอีก 2 เข็ม

จะต้องฉีดยาอย่างไร วัคซีนรุ่นใหม่ต้องรอนานเพียงใด

หากว่าสัญญาณการระบาดในขณะนี้จะเริ่มชะลอตัว แต่ว่าการฉีดยาเพื่อเพิ่มภูมิต้านทานยังมีความจำเป็น เพราะเหตุว่าจะสามารถช่วยป้องกันลักษณะการป่วยหนักแล้วก็ลดโอกาสการสูญเสีย

จาก ข้อมูล ของ กรม ควบคุม โรค กระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า ประชาชน ควรจะ ได้ รับ วัคซีน อย่าง น้อย 4 เข็ม ส่วน เข็ม ต่อไปควร ฉีด ห่าง กัน ราว 4 เดือน รวมทั้งส่วนวัคซีนรุ่นใหม่ยังอยู่ระหว่างการพัฒนา

ด้าน ศาสตราจารย์ นพ. ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กช่วงวันที่ 9 ธันวาคม เกี่ยวกับ ประสิทธิภาพของวัคซีนรุ่นใหม่โดยอ้างประกาศของศูนย์ป้องกันรวมทั้งควบคุมโรคของสหรัฐฯ หรือซีดีซี (CDC) เกี่ยวกับประสิทธิภาพในการใช้จริงทีแรก (real world effectiveness data) ของวัคซีนรุ่นใหม่ bivalent mRNA (14 ก.ย.- 11 พฤศจิกายน) และก็รายงานจากนิตยสาร Nature Medicine เมื่อ 6 ธ.ค. และก็นิตยสาร Lancet Infectious Disease และ Lancet Microbe ประจำเดือน ธ.ค. ว่า ภูมิต้านทานหรือแอนติบอดีในเลือดไม่มีผลต่อเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์ BA.2.75.2., BQ.1., XBB.1 รวมทั้งสายย่อยอื่นๆซึ่งแปลว่าป้องกันการติดเชื้อไม่ได้

ก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา CDC แล้วก็ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและก็ยา (FDA) ได้ประกาศแล้วว่าแอนติบอดีที่ใช้ในลัษณะของการรักษาและก็ป้องกัน รวมทั้ง evusheld (แอนติบอดีสำเร็จรูปหรือภูมิต้านทานสำเร็จรูปเพื่อป้องกันการได้รับเชื้อโควิด-19) ใช้ไม่ได้กับสายพันธุ์ย่อยใหม่กลุ่มนี้ ที่เข้ามาแทนที่ตัวเก่า

อย่างไรก็ตาม นพ. ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เผยเมื่อต้นเดือนก่อนหน้าที่ผ่านมาว่า กรมควบคุมโรค อยู่ระหว่างการปรึกษาหารือกับคณะผู้เชี่ยวชาญถึงเรื่องประสิทธิผลของวัคซีนแบบใหม่ หรือวัคซีน 2 สายพันธุ์ ซึ่งหากพบว่าผลการศึกษาเรียนรู้และค้นคว้ารวมทั้งการวิจัยสามารถป้องกันการติดเชื้อโควิด 19 อย่างชัดเจน ก็จะเร่งดำเนินการจัดหามาให้บริการประชาชนในปีหน้า

แฮร์รีและเมแกน ยิงโฆษณาใหม่

‘แฮร์รีและเมแกน’ ยิงโฆษณาใหม่แนวละครชีวิตครอบครัว มุ่งถล่มเป็นรายตัวตามใจคนดูสุดๆ

อีกสองสามวัน 3 เอพพิโซดสุดท้ายของซีรีส์สารคดี “แฮร์รีและเมแกน” ของเน็ตฟลิกซ์ก็จะพร้อมให้ท่านผู้ชมเสียเงินไปสตรีมมาดูมาชมกัน ณ วันพฤหัสบดีที่ 15 ธันวาคม 2022

ของร้อนแบบนี้ ต้องรีบยั่วน้ำลายท่านผู้ชม ดังนั้น เทรลเลอร์กระตุ้นต่อมอยากจึงถูกส่งออกมายั่วกิเลสด้วยธีมละครชีวิตครอบครัว ภายใต้เทคนิคคลาสสิก คือ ชงประเด็นขึ้นมา ให้เจ้าชายแฮร์รี ผู้เป็นพระอนุชา ตั้งข้อกล่าวลอยๆ เล่นงานพระเชษฐาฟ้าชายวิลเลียมว่า “พวกเขาแฮปปี้ที่จะโกหกเพื่อป้องป้องพี่ชายผม” เพื่อให้สาธารณชนสงสัยว่า ‘พวกนั้น’ เป็นใคร แล้วก็เหนือสิ่งอื่นใด ปรินซ์วิลเลียม ทรงมีความลี้ความลับอันใดที่ ‘พวกนั้น’ ต้องช่วยโกหกปกป้องปกปิด

สื่อสารพัดค่าย ทั้งใหญ่และน้อยจึงพากันวิเคราะห์ปริศนาว่า ‘พวกนั้น’ ที่เจ้าชาย Haz หรือก็คือเจ้าชายแฮร์รีกล่าวถึงนั้น หมายถึงใคร

“พวกนั้นแฮปปี้ ที่จะโกหก เพื่อปกป้องพี่ชายผม แต่พวกเขาไม่เคยเต็มใจ จะบอกความจริง เพื่อปกป้องพวกผมเลย” เจ้าชาย Haz ทรงตั้งข้อกล่าวหาขึ้นมาลอยๆ แต่ว่าเร้าใจน่าดู ภายในเทรลเลอร์ใหม่ ที่เน็ตฟลิกซ์ปล่อยออกมาโฆษณา ให้ติดตามชม 3 เอพพิโซดสุดท้ายของซีรีส์เรื่อง “แฮร์รีและเมแกน

เทรลเลอร์ดังกล่าวบอกว่า ในครึ่งหลังของซีรีส์นี้ ดัชเชสเมแกนแอนด์ปรินซ์แฮร์รีจะเฉลยคำตอบว่าเพราะเหตุไรพระองค์จึงทรงลาออก จากการร่วมปฏิบัติพระราชกิจ ของสำนักพระราชวังอังกฤษ สื่อค่ายยักษ์อย่างบีบีซีนำเสนออย่างงั้น

ด้านดัชเชสเมแกน ก็มีข้อกล่าวหาว่า “ดิฉันไม่ได้ถูกโยนให้พวกหมาป่า แต่ดิฉันถูกนำไปป้อน เป็นอาหารแก่พวกหมาป่า” ใครเป็นฝูงหมาป่า ใครเป็นผู้กระทำต่อดัชเชส ก็เป็นปริศนา ให้ต้องตามไปดูเฉลยคำตอบในวันพฤหัสบดีนี้ เช่นเดียวกัน

โทนของเทรลเลอร์ชิ้นใหม่ นับว่าดุดัน เนื่องจากว่ามีการตั้งข้อกล่าวหา ฟาดใส่อย่างหนักหน่วง ขณะที่ในครึ่งแรกของซีรีส์ แทบจะไม่มีระเบิดทำลายล้างใดๆ ตลอดจนแทบจะไม่มีการแฉเจาะจงไปที่พระราชนิกูลพระองค์ใด ดั่งที่ท่านผู้ชมคาดหวังกัน

ในการนี้ สื่อทั้งปวงวิเคราะห์ในแนวทางว่า “พวกนั้น” อาจจะเป็นพระราชวงศ์ หรืออาจจะเป็นสื่อมวลชนก็ได้ เว็บข่าวสกายนิวส์ชี้ว่า ในเทรลเลอร์บนเว็บของเน็ตฟลิกซ์ ซึ่งเป็นอันเดียวกัน กับเทรลเลอร์บนทวิตเตอร์ แต่ว่ามีตัวหนังสือ เขียนบรรยายใต้ภาพไว้ชัดเจนว่า

harry and meghan netflix

“สื่ออังกฤษ” แฮปปี้ที่จะโกหกเพื่อปกป้องพี่ชายของผม ขณะที่เสียงพูดของเจ้าชายแฮร์รีกล่าวไว้ลอยๆ แค่ว่า “พวกนั้น”

บีบีซีรายงานว่า มีการติดต่อไปยังเน็ตฟลิกซ์ เพื่อขอทราบเหตุผล ที่มีความแตกต่าง ในเทรลเลอร์อันเดียวกัน แต่ว่านำเสนอต่างกัน

พร้อมนี้ เทรลเลอร์เสนอข้อกล่าวหา ว่ามีการรณรงค์กลั่นแกล้งเจ้าชายแฮร์รีแล้วก็ดัชเชสเมแกน ซึ่งทำให้ทั้งสองรู้สึกไม่ปลอดภัย โดยมีการฉายภาพเจ้าชายแฮร์รีทรงกล่าวว่า

“ในช่วงเวลานั้นผมพูดว่าเราต้องออกจากที่นี่ได้แล้ว ผมสงสัยว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างถ้าเราไม่ได้ก้าวออกมาจากประเทศอังกฤษ” โดยช็อตนี้จะอยู่ในครึ่งหลังของซีรีส์ที่จะมีให้ชมในวันพฤหัสบดี บีบีซีรายงานอย่างนั้น

แล้วดัชเชสเมแกนกล่าวถึงความกังวลในเรื่องการรักษาความปลอดภัย จากนั้นคลิปเผยให้เห็นว่าเจ้าชายแฮร์รีทรงบอกว่าพระองค์และพระชายาอยู่บน “เที่ยวบินสู่อิสรภาพ” ซึ่งก็คือการเดินทางออกจากแรงกดดันในประเทศอังกฤษ

นอกจากนั้น ในเทรลเลอร์ยังนำเสนอคริสโตเฟอร์ บูซี ซึ่งตั้งบริษัทเทคโนโลยีเพื่อศึกษาการกลั่นแกล้งกันบนโซเชียลมีเดีย และมีบทพูดของบุรุษรายนี้ว่า “พวกเขาเร่งคัดเลือกคนเพื่อเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่ไม่ถูกต้อง”

เทรลเลอร์ฉายภาพเจ้าชาย Haz แล้วก็พระชายามีชีวิตใหม่อันเปี่ยมสุข ภายใต้แสงตะวัน โดยเจ้าชายแฮร์รีทรงบอกว่า “ในการขึ้นหน้าสู่บทใหม่ จำจะต้องเสร็จสิ้นบทแรกให้เรียบร้อยเสียก่อน”

ก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา สำนักพระราชวังบัคกิงแฮม ยังไม่มีความเห็นใดๆ ต่อสารคดีซีรีส์เรื่องนี้ ของเน็ตฟลิกซ์ อีกทั้งยังมิได้โต้ตอบ กับเทรลเลอร์ใหม่

ข่าวเมแกนล่าสุด ‘เมแกน’ หิวเงิน ว้อนต์ชีวิต US & สวามีได้เลื่อนขั้น ผลคือซีรีส์แฉ-หนังสือแฉ-ทอล์กโชว์แฉ The Sun ฟันธง

“ความขัดแย้ง” ที่ดยุกแล้วก็ดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ทรงมีกับพระราชวงศ์อังกฤษ ปะทุขึ้นแล้วก็บานปลายเป็นภารกิจการแฉ-ใส่ร้ายพระราชนิกูล มีสาเหตุหลัก จากการที่ดัชเชสเมแกนต้องการสร้างข้ออ้าง ที่จะย้ายถิ่นกลับสู่แวดวงเพื่อนรักเพื่อนเลิฟ ในฮอลลีวู้ด ต้องการเงินก้อนยักษ์ แล้วก็ต้องการกดดัน ให้มีการเลื่อนขั้น ให้เจ้าชายแฮร์รีได้ลำดับรัชทายาทที่สูงขึ้น เสมอกับเจ้าชายวิลเลียม ผู้เป็นพระเชษฐา เดอะซัน สื่อค่ายยักษ์แห่งอังกฤษฟันธง

ในอีก 3 เอพพิโซดของซีรีส์ “แฮร์รีแล้วก็เมแกน” ที่จะปล่อยของให้ได้ชมกัน ณ วันพฤหัสบดีที่ 15 ธันวาคม 2022 ดัชเชสเมแกนจะเล่าถึงความขัดแย้งภายในธุรกิจพระราชวงศ์ โดยเดอะซันคาดว่า จะเป็นเรื่องราวความบาดหมางใจ ที่ทั้งสองจะให้ข้อมูลฝ่ายเดียว เพื่อสร้างความเสียหาย แก่เจ้าหญิงเคท กับเจ้าฟ้าชายวิลเลียม

“สี่ดาวเด่นคนดัง” แห่งฟากฟ้าอังกฤษเริ่มมีเหตุแห่งความร้าวฉานบาดหมางแล้วก็แตกหักเมื่อปี 2019 เมื่อเจ้าชายแฮร์รีกับดัชเชสเมแกน ผละออกจากพระราชมูลนิธิ Royal Foundation แล้วก็ทรงตั้งสำนักงาน ของพระองค์เอง

ก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา เจ้าชายแฮร์รีทรงไม่เคยมีความสนพระทัยกับเรื่องการจัดสรรจัดการงบประมาณหรือค่าใช้จ่ายของมูลนิธิ จนกระทั่งพระองค์ทรงมาคบหากับจอมวัตถุนิยม เมแกน มาร์เคิล ซึ่งหมกมุ่นกับ “การเปรียบเทียบคู่ของตน และคู่ของเจ้าชายวิลเลียมกับดัชเชสเคท” เดอะซันรายงานว่าสิ่งนี้เป็นที่เข้าใจกันโดยทั่วไป

ท้ายที่สุด พระราชวังบัคกิงแฮม ทรงอนุมัติให้ดยุกแล้วก็ดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ มีสำนักงานแล้วก็คณะเจ้าหน้าที่เป็นของตัวเอง รวมทั้งให้เลือกคนที่จะมาปฏิบัติงานเจ้าหน้าที่สื่อสารองค์กร

กระนั้นก็ตาม ไม่มีอะไรที่จะทำให้ดัชเชสเมแกนรู้สึกพอ เดอะซันรายงานอย่างงั้น รวมทั้งบอกว่าในเวลาถัดมานักแสดงสาวดาวฮอลลีวู้ดก็เริ่มไม่แฮปปี้แล้วก็ตำหนิติเตียนพระตำหนักฟร็อกมอร์ ซึ่งได้รับพระราชทาน จากสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แล้วก็เริ่มร้องขอเข้าไปพักอาศัย ในปราสาทวินด์เซอร์

แหล่งข่าวของเดอะซันเล่าว่า “แฮร์รีทรงไม่เคยคิดบ่นหรือกังวลใจกับเรื่องเงินหรือเรื่องสถานภาพภายในพระราชวงศ์ จนกระทั่งมีเมแกน มาร์เคิล เข้ามาเป็นพระชายา”

“ทุกเรื่องทุกสิ่งล้วนที่จะลงมาเป็นเรื่องเงิน สำหรับดัชเชสเมแกน”

“ดัชเชสไม่สามารถเข้าใจได้กับเรื่องลำดับชั้นในสิทธิแห่งการสืบทอดพระราชบัลลังก์”

“ดัชเชสต้องการให้ตนเองและเจ้าชายแฮร์รีได้รับทุกสิ่งทุกอย่างเฉกเช่นเดียวกับที่เจ้าฟ้าชายวิลเลียมและเจ้าหญิงเคททรงได้รับ”

harry and meghan

เรื่องราวใน “แฮร์รีและเมแกน” ฟ้องออกมาจนเห็นชัดว่าแผนใหญ่ที่อยู่ในใจดัชเชสเมแกนเสมอคือ จะเทสหราชอาณาจักรทิ้ง

แล้วก็จะโยกย้ายกลับไปใช้ชีวิต ในสหรัฐอเมริกา โดยคงจะวางแผนกลับแคลิฟอร์เนียเร็วที่สุดนับตั้งแต่เสร็จพระราชพิธีเสกสมรส ทอม บาวเออร์ ผู้รายงานข่าวคนดังแล้วก็นักเขียนเรื่องราวพระราชวงศ์อังกฤษรวมทั้งบุคคลที่โด่งดังระดับโลกจำนวนมาก ให้สัมภาษณ์อย่างงั้นแก่เดอะซัน

“ผมไม่คิดว่าสองพระองค์นี้ทรงตั้งพระทัยที่จะปักหลักอยู่ในอังกฤษ และดัชเชสเมแกนกับทีมที่ปรึกษาต่างคิดสร้างหนทางจะตีจากลอนดอนและกลับไปแคลิฟอร์เนีย” ทอม บาวเออร์วิเคราะห์ พร้อมเสริมว่า

การลงนั่งสนทนาแล้วก็แฉเรื่องราว ของพระราชสำนักอังกฤษ ให้กับโอปราห์ วินฟรีย์ ซึ่งยังไม่ทราบว่าเท็จจริงหรือไม่เพียงใด ตลอดจนแฉให้กับข้อตกลงธุรกิจ หลายสิบล้านปอนด์ ที่ทำกับเน็ตฟลิกซ์รวมทั้งสปอติฟายนั้น “ล้วนเป็นส่วนหนึ่งของแผนตีจาก”

เหนือสิ่งอื่นใด ทั้งสองพระองค์ ทรงอ้างว่า การถูกคุกคาม ความเป็นส่วนตัว จากสื่อมวลชน ทำให้ชีวิตไม่ปลอดภัย ในประเทศอังกฤษ แล้วก็จึงต้องปกป้องครอบครัว ด้วยสองมาตรการ คือ การลาออก จากการปฏิบัติพระราชภารกิจ ของพระราชสำนัก เพื่อจะไม่รับงบค่าใช้จ่าย จากเงินภาษี ด้วยเหตุนี้ สื่อมวลชนก็จะหมดข้ออ้าง ที่จะละลาบละล้วงขุดเจาะข้อมูลแล้วก็ภาพนำไปทำข่าวสารที่รบกวนพระทัย พร้อมกันนั้นก็ทำการโยกย้าย ออกจากอังกฤษ ไปอาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกา ให้ปลอดภัยจากสื่อมวลชน

เจ้าชายแฮร์รี่ ล่าสุด แต่ว่าทอม บาวเออร์ มีข้อมูลที่ทำให้เห็นว่ามันไม่เป็นอย่างงั้น โดยเล่าว่า

“ขณะที่อยู่ภายในลอนดอน ทั้งสองเสด็จไปโรงแสดงละคร ทรงเดินเล่นในสวนสวยของพระราชวังเคนซิงตัน ทรงไปช็อปปิ้งและเสวยตามภัตตาคารทั่วไป ไม่มีใครเข้าไปรบกวนรังควาญพระองค์ สองพระองค์ทรงบอกว่า ถูกละเมิดความเป็นส่วนตัว โดยพวกช่างภาพแอบถ่าย แต่ที่จริงแล้ว ไม่มีใครเข้าไปแทรกแซงชีวิตของพระองค์

“ดัชเชสเมแกนอ้างว่าความสัมพันธ์กับเจ้าชายแฮร์รีในช่วงต้นกลายเป็นข่าว เพราะสื่อแท็บลอยด์เข้าไปล่วงละเมิด แต่กระนั้นก็ตาม ดัชเชสและเจ้าชายก็ไปเตร็ดเตร่ ที่โซโหเฮาส์ ด้วยความตั้งใจจะให้ผู้คนทราบว่าทรงคบหาดูใจกันอยู่ เพราะตอนนั้นทรงเตรียมจะหมั้นหมายกันแล้ว” ทอม บาวเออร์ให้สัมภาษณ์แก่เดอะซัน

ทอม บาวเออร์วิจารณ์ถึงด้านของพระโอรสและพระธิดาด้วย โดยชี้ว่าสองพระองค์ทรงอ้างไว้ในสารคดีซีรีส์ “แฮร์รีและเมแกน” ว่าทรงไม่สามารถปกป้องความเป็นส่วนตัวของพระหน่อนาถได้ และจึงส่งผลให้ต้องตัดสินพระทัยโยกย้ายออกจากอังกฤษ

“ทั้งสองทรงร้องทุกข์ว่าทรงไม่ต้องการให้พระหน่อนาถปรากฏเป็นข่าวในสื่อมวลชน แต่กระนั้น ก็มีการนำภาพของคุณอาร์ชีขึ้นไปอวดแก่สาธารณชนไม่ได้หยุดหย่อน รวมทั้งภาพมากมายในซีรีส์”

(ที่มา: เดอะซัน เดลิเมลออนไลน์ เน็ตฟลิกซ์ เอพี รอยเตอร์ หนังสือเรื่อง Revenge: Meghan, Harry and the War between the Windsors)

ภาพชัดยิงสู้ โจรปล้นทอง

ภาพชัดยิงสู้! ทนายเกิดผล ชี้ปม เจ้าของร้าน ยิงโจรปล้นทอง เชื่อตายฟรี

ภาพชัดยิงสู้! ทนายเกิดผล ยกข้อ กม. วิเคราะห์ปม เจ้าของร้าน ยิง โจรปล้นทอง เชื่อตายฟรี หลังจากตอนแรกคิดว่า น่าจะเป็นการป้องกันตัว เกินกว่าเหตุ

กรณี 4 คนร้าย ถือปืนบุก ปล้นร้านทองเยาวราช ในพื้นที่ ถนนท่าเรือ อ.เมือง จังหวัด ตาก ตรงกันข้ามกับโรงเรียนตากพิทยาคม ก่อนถูกเจ้าของร้านยิงสวนออกมา ทำให้ คนร้าย 1 รายบาดเจ็บอย่างรุนแรง รวมทั้งโดนจับกุมได้ 1 ราย ส่วนอีก 2 ราย หลบหนีไปได้นั้น

ต่อมามีการถกเถียงถึงประเด็น ด้านข้อกฎหมายว่า การยิงปืนเข้าใส่ กลุ่มคนร้าย โดยเจ้าของร้าน ถือว่าเป็นการป้องกันตัวเกินกว่าเหตุหรือเปล่า

โดย ทนายรัชพล ศิริสาคร ทนายความชื่อดัง ให้ความเห็น ด้านข้อกฎหมายว่า หากคนร้ายอยู่ระหว่างที่วิ่งหนี ช่วงเวลาที่เรายิงสวนออกไปนั้น เมื่อคนร้ายวิ่งหนีแปลว่าภัยหมดแล้ว ถ้าหากเราอยู่เฉยๆ ไม่มีภัยมาถึงเราแล้ว การที่จะไปยิงซ้ำ ตามล่าคนร้าย ที่ยังไม่ได้เอาทองไป (ถ้าหากเอาไป ถือเป็นการป้องกันเอาทรัพย์สิน ของเราคืนมาได้) แล้วเรายิงซ้ำกระสุน เข้าด้านหลัง มีคำพิพากษาศาลฎีกา อยู่หลายคดี ที่บอกว่าเป็นการป้องกันตัว เกินกว่าเหตุ เนื่องจากถ้าหากภัยหมดแล้ว เราจะป้องกันตัวอย่างงั้นไม่ได้ รวมทั้งเสี่ยงที่จะถูกดำเนินคดี ว่าป้องกันตัวเกินกว่าเหตุ

ขณะเดียวกัน ทนายเกิดผล แก้วเกิด อีกหนึ่งทนายความชื่อดัง ให้ความเห็น ผ่านทางเฟซบุ๊ก ระบุว่า #ปล้นร้านทอง คนร้ายหนีไปแล้ว ถือว่า ภยันตรายอันละเมิดต่อกฎหมายสิ้นไปแล้ว เจ้าของร้านทอง ยิงคนร้ายตาย ตามกฎหมาย จะต้องรับผิดหรือเปล่า เพราะเหตุใด ⁉

การยิงคนร้ายที่กำลังหนี โดยคนร้ายไม่ได้ต่อสู้ อ้างป้องกันไม่ได้ เนื่องจากเหตุ ภยันตราย อันละเมิดต่อกฎหมาย ได้ระงับสิ้นไปแล้ว แม้แต่อ้าง ป้องกันเกินกว่าเหตุ ก็ไม่อาจอ้างได้

โจรบุกปล้นร้านทอง

โดยยกคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5638/2533

เมื่อพิจารณาลักษณะบาดแผลที่ #โจทก์ร่วมถูกยิงด้านหลัง #แสดงว่าโจทก์ร่วมถูกยิงขณะกำลังวิ่งหนีออกจากบริเวณบ้านของนายมะพลับ การที่โจทก์ร่วมเข้าไปในบริเวณบ้านของนายมะพลับในเวลากลางคืน โดยไม่มีเหตุสมควร อันเป็นการละเมิดต่อกฎหมาย #แต่เมื่อจำเลยมาพบโจทก์ร่วมก็ได้วิ่งหนีออกมาเหตุละเมิดดังกล่าวจึงหมดไปแล้ว

เนื่องจากภยันตรายดังกล่าวพ้นไปแล้ว จำเลยน่าจะใช้วิธีอื่น เพื่อจับกุมตัวโจทก์ร่วม มาดำเนินคดีเท่านั้น การที่จำเลย ใช้อาวุธปืนยิงโจทก์ร่วมด้านหลัง ช่วงเวลาที่โจทก์ร่วมกำลังวิ่งหนี จึงไม่ใช่เป็นการกระทำ เพื่อป้องกัน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68 การที่จำเลยใช้อาวุธปืน ยิงโจทก์ร่วม จำเลยย่อมเล็งเห็นผลการกระทำนั้นว่า หากกระสุนปืนไปถูกโจทก์ร่วมแล้ว โจทก์ร่วมย่อมได้รับอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ เพราะเป็นอาวุธที่ร้ายแรง

เมื่อการกระทำนั้น ไม่บรรลุผลเนื่องจากกระสุนปืนไม่ถูกอวัยวะสำคัญแล้วก็แพทย์ทำการรักษาโจทก์ร่วมได้ทัน โจทก์ร่วมจึงไม่ถึงแก่ความตาย การกระทำของจำเลย จึงเป็นความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 , 80 แล้วก็ ศาลอุทธรณ์ใช้ดุลพินิจลดโทษให้จำเลย หนึ่งในสามนั้นเป็นผลดีแก่จำเลยอยู่แล้ว ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น พิพากษายืน

ข่าวปล่นร้านทองล่าสุด อย่างไรก็ดีต่อมา ทนายรัชพล ศิริสาคร โพสต์ข้อความภายหลังจากได้ดูภาพเหตุการณ์ โดยเป็นภาพที่คนร้ายกำลังเล็งปืน มาทางเจ้าของร้านทอง โดยบอกว่า ถ้าหากมีภาพชัดขนาดนี้ ว่า คนร้ายบางคน ใช้อาวุธยิงต่อสู้เจ้าของร้านทอง ถือว่า ภยันตรายอันละเมิด ต่อกฎหมายยังมีอยู่ เจ้าของร้านยิงป้องกันได้ ไม่ผิดกฎหมาย ไม่เป็นการป้องกันเกินกว่าเหตุครับ คนร้ายตายฟรี ครับ

ข่าวปล้นร้านทอง

รายละเอียดเหตุการณ์ โจรปล้นทอง เจ้าของใจเด็ดคว้าลูกซองยิงโคม่า ตามรวบได้ 1

สุดอุกอาจ! 4 คนร้ายพร้อมปืน บุกปล้นร้านทอง ยิงประตูแตก ใช้เครื่องเจียรตัดเหล็ก เจ้าของใจเด็ดคว้าลูกซองยิง โจรปล้นทอง โคม่า ตำรวจตามรวบได้ 1

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 8 ธันวาคม65 ศูนย์วิทยุ 191 ได้รับแจ้งจากพลเมืองดี ว่ามีการยิงกัน ที่หน้าร้านทอง หน้าโรงเรียนตากพิทยาคม อ.เมือง จังหวัดตาก แล้วต่อจากนั้น พ.ต.อ.ไพฑูรย์ สุขุมวัฒนะ รอง ผบก.ภ.จว.ตาก, พ.ต.อ.ชูสิทธิ์ วงษ์บุรี รอง ผบก.ภ.จว.ตาก, พ.ต.อ.สิทธิชัย ยิ้มยวน ผู้กำกับการสภ.เมืองตาก นำกำลังเจ้าหน้าที่รวมทั้งชุดสืบสวนรุดไปตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุเป็นร้านห้างทองเยาวราช ถนนท่าเรือ อ.เมือง จังหวัด ตาก ตรงกันข้ามกับโรงเรียนตากพิทยาคม พร้อมประสานหน่วยกู้ชีพ โรงพยาบาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เนื่องจากว่าคนร้ายถูกยิงบาดเจ็บอย่างรุนแรง 1 ราย

จากการตรวจสอบพบว่ากระจกด้านหน้าร้าน แตกละเอียด มีคนร้ายบาดเจ็บ ถูกยิงบาดเจ็บนอนคว่ำหน้า ใส่เสื้อแจ็คเก็ตแขนยาว ถูกเจ้าของร้าน ยิงเข้าที่บริเวณหน้าท้อง เลือดไหลนองเต็มพื้นถนน โดยมี นายพิสิฐ ระพิทย์พันธ์ อายุ 46 ปี เจ้าของร้าน ยืนรอให้การ กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ

ข่าวปล่นร้านทองตาก จากการตรวจสอบภาพที่เอามาจากกล้องวงจรปิดพบว่า มีคนร้าย 4 คน ขี่รถจักรยานยนต์มา 2 คัน ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ใส่เสื้อแขนยาว เสื้อแจ็คเก็ตคลุม สวมหน้ากากอนามัยรวมทั้งใส่หมวกปิดบังบริเวณใบหน้า เดินเข้ามาหน้าร้าน พร้อมในมือ ถือปืนเก็บเสียง ไม่ทราบขนาด แล้วปืนยิงกระจก แตกกระจาย ก่อนใช้เท้าถีบประตูเข้ามา จากนั้นจึงใช้เครื่องเจียร พยายามตัดลูกกรงเหล็ก แต่ว่าเจ้าของร้าน ได้ใช้อาวุธปืนยิง จนคนร้ายวิ่งกระเจิง แล้วก็ได้รับบาดเจ็บดังกล่าว

ขณะที่ นายพิสิฐ กล่าวว่า ระหว่างเกิดเหตุ เมื่อคนร้ายเข้ามา ตนจึงบอกให้ภรรยาหลบ เข้าไปข้างหลังร้าน แล้วตนจึงไปเอาปืนลูกซองออกมา เพื่อมายิงต่อสู้ ป้องกันตัว โดยยิงไป 1 นัด คนร้ายที่กำลังใช้เครื่องเจียร ตัดเหล็กลูกกรง ที่ใช้ป้องกันคนร้าย มาปล้นทอง เห็นท่าไม่ดีจึงวิ่งหนีออกจากร้าน ไปที่รถจักรยานยนต์ ตนจึงยิงตามไปอีก 4 นัด นัดสุดท้าย ถูกคนร้ายที่พยายามสตาร์ทเครื่องรถจักรยานยนต์หลบหนี

ระหว่างนั้นคนร้ายที่เหลือ ก็ได้รีบหลบหนี โดยคนร้ายคนที่ 1 ขี่รถจักรยานยนต์ ใส่เสื้อแขนยาวกันหนาวสีเขียว สวมกางเกงยีนส์ คนร้ายคนที่ 2 นั่งซ้อนท้ายรถ จักรยานยนต์ใส่เสื้อแขนยาวสีดำ หลบหนีไปทางห้างบิ๊กซี แล้วก็คนร้ายคนที่ 3 ใส่เสื้อแขนยาวสีเขียว มีกระเป๋าสีดำสะพายติดตัว วิ่งหลบหนีไปทางสำนักงาน กศน. จังหวัดตาก

หลังรับแจ้งว่ามีเหตุปล้นร้านทอง พ.ต.อ.ธีรพัฒน์ ธารีไทย ผู้กำกับการสส.ภ.จว.ตาก นำกำลังชุดสืบสวน ไปจับกุมตัวได้คนร้ายตามที่ ได้รับรายงานได้ 1 ราย ที่วิ่งไปตามทางหลบหนี แอบอยู่ใกล้ที่เกิดเหตุ ส่วนอีก 2 คน เจ้าหน้าที่กำลังแกะรอยติดตาม อย่างกะชั้นชิด ขณะที่คนร้ายที่ถูกยิงอาการโคม่า เจ้าหน้าที่ได้เร่งนำตัวส่งโรงพยาบาล

อินโดห้ามมีเซ็กส์ก่อนแต่ง

อินโดผ่านกฎหมาย ห้ามมีเพศสัมพันธ์นอกสมรส

อินโดห้ามมีเซ็กส์ก่อนแต่ง รัฐสภาอินโดนีเซียอนุมัติกฎหมายอาญาฉบับใหม่ ที่กำหนดให้การมีเซ็กส์ นอกสมรสมีโทษจำคุกสูงสุด 1 ปี ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความเคลื่อนไหว ที่เรียกเสียงติชมอย่างมาก  ว่าเป็นข้อบังคับที่ริดรอนสิทธิของประชาชน

ข้อบังคับดังที่กล่าวถึงมาแล้ว จะบังคับใช้ทั้งยังกับชาวอินโดนีเซีย รวมทั้งชาวต่างชาติ รวมถึงข้อบังคับคุณธรรมอีกหลายฉบับ ที่จะทำให้คู่ชีวิตที่ยังไม่ได้สมรส ที่อยู่ร่วมกัน รวมทั้ง มีเซ็กส์กัน นับว่าเป็นสิ่งผิดกฎหมายอีกด้วย

คู่ชีวิตหรือบิดามารดา สามารถแจ้งความในความผิดพลาด ฐานมีเซ็กส์นอกสมรสได้ รวมทั้งการทำในสิ่งที่ผิดสำหรับเพื่อการเป็นชู้ดังที่กล่าวถึงมาแล้ว จะก่อให้ผู้ที่ทำอาจได้รับโทษจำคุก

กลุ่มสิทธิมนุษยชนระบุว่า ข้อบังคับดังที่กล่าวถึงมาแล้ว ทำให้เกิดผลกระทบต่อสิทธิสตรี กลุ่ม LGBT รวมทั้งชนกลุ่มน้อยในประเทศ ทำให้มีผู้คนกลุ่มเล็กๆออกมารวมตัวกันประท้วง หน้าตึกรัฐสภาในกรุงจาการ์ตา

ประมวลกฎหมายใหม่ดังที่กล่าวถึงมาแล้ว จะยังไม่มีผลบังคับใช้ ไปตราบจนกระทั่งในอีก 3 ปีข้างหน้า โดยข้อบังคับที่มีการเปลี่ยนแปลงใหม่นี้ยัง รวมถึง ข้อบังคับที่ห้ามการลบหลู่ดูหมิ่น ประธานาธิบดี รวมทั้ง การพูดต้านทานอุดมการณ์ของเมือง

นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนบอกว่า ข้อบังคับใหม่ดังที่กล่าวถึงมาแล้ว ยังมีการยับยั้งสิทธิสำหรับเพื่อการแสดงออกทางการเมือง รวมทั้งจำกัดเสรีภาพทางศาสนา

ด้านสมาชิกรัฐสภาอินโดนีเซียบอกว่า พวกเขาได้เพิ่มการป้องกันสิทธิเสรีภาพในการพูด รวมทั้ง การประท้วงที่เกิดขึ้น เพื่อผลดีสาธารณะ

องค์กรฮิวแมนไรท์วอชระบุว่า บทบัญญัติของประมวลกฎหมายใหม่ดังที่กล่าวถึงมาแล้ว ของอินโดนีเซีย นับว่าเป็นหายนะด้านสิทธิมนุษยชน รวมทั้ง นับว่าเป็นความแพ้พ่ายครั้งใหญ่ของประเทศ ที่บากบั่นจะปรากฏตัว ว่าเป็นมุสลิมสมัยใหม่ที่เป็นระบบประชาธิปไตย

อินโดห้ามมีเซ็กส์ก่อนแต่ง อินโดนีเซีย

 อินโดห้ามมีเซ็กส์ก่อนแต่ง ใครละเมิดต้องติดคุก

คนที่ฝืนกฎหมายใหม่นี้ แบ่งเป็นคนที่มีความเกี่ยวพันทางเพศก่อนสมรส ควรต้องถูกจับกุม รวมทั้ง ต้องโทษจำคุก ซึ่งมีกำหนดสูงสุดคือ 1 ปี สำหรับคู่ชีวิต  ที่ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน โดยไม่ได้เข้าพิธีสมรส หรือมีสถานะเป็นคู่สมรส โดยชอบด้วยกฎหมาย ควรต้องได้รับโทษจำคุกด้วยเหมือนกัน แม้กระนั้นมีกำหนดโทษสูงสุดอยู่ที่ 6 เดือน

ตามข้อบังคับของข้อบังคับใหม่ พ่อแม่หรือผู้ดูแลของคนไม่มีคนรักที่มีเซ็กส์กับบุคคลอื่น ควรต้องแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ ถึงพฤติกรรมของลูกของตน แม้กระนั้นในกรณีของบุคคลที่สมรสแล้ว เกิดเป็นชู้หรือนอกใจ คนที่จะร้องทุกข์ได้ คือคู่สมรสเท่านั้น

ตามรายงานข่าวสาร ได้มีความอุตสาหะที่จะผ่านร่างกฎหมายนี้ มายาวนานกว่าทศวรรษแล้ว ตอนแรกคาดว่า ร่างแรกของข้อบังคับดังที่กล่าวถึงมาแล้ว จะผ่านความเห็นรัฐสภาใน ปี 2562 แม้กระนั้น ก็เจอกระแสต่อต้าน จากประชาชนจำนวนมาก ในหลายเมืองใหญ่เสียก่อน

เนื้อหาของการปรับแก้กฎหมาย

หัวข้อการ ปรับแก้ประมวลกฎหมายอาญา ดังที่กล่าวถึงมาแล้ว ที่เป็นข้อคัดค้านรุนแรง คือ การกำหนดให้การมีเซ็กส์ก่อนแต่งงาน รวมทั้ง การมีเซ็กส์นอกสมรส รวมถึง การอาศัยอยู่ร่วมกันของคู่ชีวิตที่ยังไม่แต่งงาน จัดว่าผิดกฎหมายอาญา

ประมวลกฎหมายใหม่ ยังมีผลบังคับใช้กับชาวต่างชาติที่พำนัก อยู่ในอินโดนีเซีย รวมถึงนักเดินทางด้วย

นอกนั้น มาตราที่ถูกปรับแก้ ยังรวมถึง การออกกฎหมายห้ามการเปลี่ยนศาสนา รวมทั้ง บทลงโทษกรณีการพูดดูถูกเหยียดหยามประธานาธิบดี หรือแสดงความเห็น ที่ขัดต่ออุดมคติของประเทศชาติ

ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีการเพิ่มบทลงโทษ กรณีดูถูกเหยียดหยามศาสนา เป็นโทษจำคุก 5 ปีอีกด้วย

อย่างไรก็แล้วแต่ คณะกรรมาธิการตรวจดูร่างกฎหมายของกระทรวงข้อบังคับ รวมทั้ง สิทธิมนุษยชน ชี้ว่า การแก้ไข ข้อบังคับครั้งนี้ จะช่วยคุ้มครองสถาบันครอบครัว รวมทั้ง ความศักดิ์สิทธิ์ของการสมรส

ไม่เพียงเท่านั้น ข้อกฎหมาย จะมีผลก็ต่อเมื่อ คู่ชีวิต บิดามารดา หรือลูกๆเป็นผู้แจ้งความถึงการกระทำผิด ทั้งยัง มีเซ็กส์ก่อนแต่งงาน รวมทั้งนอกสมรส

อินโดห้ามมีเซ็กส์ก่อนแต่ง ประท้วงกฏหมาย

ห้ามมีเซ็กซ์นอกสมรส-อยู่ก่อนแต่ง นักท่องเที่ยวก็โดน

สำนักข่าว แชนเนลนิวส์เอเชีย รายงานว่า รัฐสภาของประเทศอินโดนีเซียเห็นชอบข้อบังคับอาชญากรรมใหม่ในวันอังคารที่ 6 ธันวาคม 2565 ห้ามมีใครก็ตามมีเซ็กส์นอกการสมรส มีโทษจำคุกสูงสุดไม่เกิน 1 ปี ท่ามกลางความหนักใจว่า ข้อบังคับนี้จะก่อให้นักเดินทางกลัวกระทั่งไม่กล้าเดินทางมา รวมทั้งอาจทำให้เกิดโทษและส่งผลเสียรวมทั้งไม่ดีต่อการลงทุน

ก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา อินโดนีเซียมีข้อบังคับห้ามมีเซ็กส์กับคนที่ไม่ใช่คู่สมรสของตัวเองอยู่แล้ว แม้กระนั้นไม่เคยห้ามการมีเซ็กส์ระหว่างคนที่ยังไม่สมรส โดยข้อบังคับใหม่จะมีผลต่อทั้งยังชาวอินโดนีเซีย, ชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่หรือเดินทางเข้ามาในอินโดนีเซีย รวมทั้งยังห้ามการอยู่ก่อนสมรสระหว่างคู่ชีวิตด้วยหากฝืนควรต้องต้องโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน แม้กระนั้นข้อบังคับฉบับนี้จะยังไม่มีผลตรงเวลา 3 ปี เพื่อร่างแนวทางการบังคับใช้กฎ

อย่างไรก็แล้วแต่ ข้อบังคับดังที่กล่าวถึงมาแล้วเผชิญเสียงติชมจากหลายฝ่ายว่า ไม่เป็นผลดีต่อประเทศ เช่นนายเมาลานา ยูสราน รองประธานคณะกรรมการอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับด้านการท่องเที่ยวที่อินโดนีเซีย บอกว่า ข้อบังคับใหม่นี้เป็นการถ่วงความรุ่งเรืองอย่างสิ้นเชิง ในตอนที่เศรษฐกิจรวมทั้งการท่องเที่ยวกำลังเริ่มฝื้นตัวกลับมาจากการระบาดของโควิด-19

“เราเสียใจอย่างยิ่งที่รัฐบาลปิดตาตัวเอง เราแสดงความกังวลต่อกระทรวงการท่องเที่ยวถึงความอันตรายของกฎหมายนี้ไปแล้ว” นายยูสรานกล่าว

โดยสมาคมการท่องเที่ยวเกาะบาหลีเคยคาดการณ์ไว้ว่า นักท่องเที่ยวจะกลับมาอยู่ระดับก่อนโควิดระบาดที่ 6 ล้านคนภายในปี 2568 ก่อนหน้านี้อินโดนีเซียยังพยายามดึงดูดกลุ่มคนที่ทำงานผ่านทางออนไลน์ หรือ digital nomad ให้มาเที่ยวในประเทศดด้วยการผ่านคลายกฎวีซ่าด้วย

ด้านนายอัลเบิร์ต แอรีส โฆษกกระทรวงยุติธรรมอินโดนีเซีย กล่าวว่าการบังคับใช้กฎหมายใหม่จะถูกจำกัดโดยผู้ที่สามารถแจ้งความได้ เช่น พ่อแม่, คู่สมรส หรือลูกของผู้ต้องสงสัยกระทำผิด

“จุดประสงค์ของกฎหมายนี้คือการปกป้องสถาบันการแต่งงานและค่านิยมของอินโดนีเซีย ในเดียวกันก็ปกป้องความเป็นส่วนตัวของชุมชนและปฏิเสธสิทธิ์ของสังคมหรือบุคคลที่ 3 ไม่ให้แจ้งความเรื่องนี้หรือ ‘ทำตัวเป็นผู้พิพากษา’ โดยอ้างศีลธรรม” นายแอรีสกล่าว

วิศวกร จบชีวิต ทิ้งจดหมายแฉทุจริต

ปมวิศวกรจบชีวิต ทิ้งจดหมายแฉทุจริต อัยการอาวุโสชี้ “กินหัวคิว” มีเยอะ

อัยการอาวุโส วิเคราะห์ปม วิศวกร หนุ่มจบชีวิต ทิ้งจดหมายลาตาย เพราะเหตุว่ายอมรับการรับเงินใต้โต๊ะไม่ได้ ชี้ต้องมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ละเอียด ย้ำชัดเรื่องแบบงี้เกิดขึ้นบ่อยครั้งในประเทศไทย

เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 30 เดือนพฤศจิกายน 2565 ในรายการ “เปิดปากกับภาคภูมิ” ทางไทยรัฐทีวีช่อง 32 ดำเนินรายการโดย นายภาคภูมิ พันธุ์สถิตย์ ได้พูดคุยกับ อาจารย์ปรเมศวร์ อินทรชุมนุม อัยการอาวุโส สำนักงานสอบสวน ปมวิศวกรหนุ่มจบชีวิต ทิ้งจดหมายลาตาย ยอมรับการทุจริตรับเงินใต้โต๊ะไม่ได้ ซึ่งทางพ่อแม่ผู้ตายอยากให้หน่วยงานตรวจสอบความจริงตามที่จดหมายได้เขียนไว้

อาจารย์ปรเมศวร์ อินทรชุมนุม อัยการอาวุโส สำนักงานสอบสวน บอกว่า ความจริงพ่อแม่ไม่ต้องขอร้องให้ตรวจสอบ เป็นหน้าที่ของหน่วยงานไม่ว่าจะเป็น ป.ป.ช. หรือ ป.ป.ท. จะต้องเข้าไปตรวจสอบ ตัวเองทำงานผ่านสำนวนเกี่ยวกับการทุจริตปราบปรามมา 2 ปี

ปีแรกสามร้อยกว่าเรื่อง ปีที่ผ่านมาก็ห้าร้อยกว่าเรื่อง ที่มาถึงก่อนให้อัยการสืบสั่ง คดีทุจริตประมาณ สิ้นเดือนกันยายนทั่วประเทศ มีประมาณ 2,200 เรื่อง ส่วนมากเป็นเรื่องการประมูลงานฮั้วประมูล ไม่ขึ้นขั้นเงินเดือน มีหมดทุกๆอย่าง การต่ออายุสัญญาเรียกเงินเรียกทองทั้งนั้น

ส่วนในกรณีการเสียชีวิตนั้นของวิศวกรที่ตัดสินใจลาออก เพราะว่ารับระบบทุจริตไม่ไหว ก่อนจบชีวิต ในระบบปกครองส่วนท้องถิ่น คนที่จะรับเงิน ถ้าตัวใหญ่ไม่รับเอง ก็ให้ตัวเล็กไปรับแทนเหมือนในจดหมาย เพื่อจะตัดตอน ในความเป็นจริงแล้วข้าราชการต้องรู้ เวลารับเงินรับทอง

กฎหมาย พระราชบัญญัติว่าด้วยการปราบปรามด้วยการทุจริต ปี 2561 หากข้าราชการให้การเป็นประโยชน์ ป.ป.ช. หรือ ป.ป.ท. จะกันเป็นพยาน ในกรณีที่ถูกใช้ไปรับเงิน แล้วขัดไม่ได้ ให้ทำแล้วส่งรายงานไป ป.ป.ช. จะไม่ต้อง ถูกดำเนินคดี หากตนรู้จักจะบอกแล้วว่าอย่าจบชีวิตอย่างนั้น ต้องสู้ต่อไป

เปิดปากกับภาคภูมิ

ทำยังไงให้การเสียชีวิตไม่สูญเปล่า

ป.ป.ช.จะต้องออกหน้า อย่ายกย่องเฉพาะคนเป็น ยกตัวอย่างการทุจริตนั้น จะมีการวางงบประมาณไว้ก่อน พอผ่านสภาเสร็จแล้ว ก็จะเริ่มตั้งแต่เจ้าหน้าที่จัดจ้างลงมือทำ เพราะฉะนั้นคดี ป.ป.ช. จะไม่เหมือนคดีฆ่าคนตาย ต้องใช้เวลาในการวางแผน เหมือนการประมูลในระบบอิเล็กทรอนิกส์ ต้องมีการประกาศลงระบบในเว็บท้องถิ่น บางครั้งก็ทำหนังสือปลอมว่าลงแล้ว แต่จริงๆ ไม่ได้ลง แล้วมีบริษัทยื่นเข้ามาเสนอประมูล อย่างน้อยต้อง 2 บริษัท

แต่จุดที่น่าสงสัย ในจดหมาย คือ ในจดหมายที่บอกว่า มีบริษัทเดียว รับเหมาได้ 7 โครงการ เพราะว่าปกติเวลาทำต้องมีการตั้งบริษัท 2-3 แห่ง เหมือนการแข่งฟุตซอล จะต้องมาประมูลแข่งกัน

ส่วนในกรณีการประมูลงานที่ตั้งไว้ 600,000 แต่ประมูลได้ในราคา 400,000 บาท หากเป็นโครงการที่สมบูรณ์แบบแสดงว่ากำหนดราคากลางไว้สูง แต่จริงไม่ถึง 400,000 ในมุมนึงคือมองว่าช่วยรัฐประหยัดงบ แต่จริงแล้วอยู่แค่ 400,000 อยู่แล้ว เพราะว่าเวลาประมูล ก็จะเบิกเงินก้อนแรกประมาณ 11% แต่กำหนดราคาสูง เพื่อสร้างเครดิตตัวเอง ให้เป็นผลงานว่าตัวเองสามารถประหยัดงบประมาณได้ แต่สุดท้ายทำไม่ได้จริง

บางพื้นที่รับเงินไปเรียบร้อยถนนขาดครึ่งกิโลฯ ก็โดนฟ้องร้อง มีการฟ้องเรียกเงินค่าชดเชย เรียกค่าเสียหายจากผู้ประมูลและก็คนที่เกี่ยวข้อง มีอย่างงี้เยอะทั่วประเทศ ส่วนการตรวจรับงาน ผู้ตรวจรับไม่ได้ไปนั่งเซ็นที่ทำงาน ส่งคนอื่นไป เหมือนในกรณีของผู้ตายที่จะต้องไปตรวจรับงาน และก็รับเงินค่าเปอร์เซ็นต์มา เพื่อทำรายงานว่า ตรวจรับแล้วสมบูรณ์แบบ

ด้าน นายประยุทธ์ เย็นอารมณ์ ผู้อำนวยการกองช่าง เทศบาลตำบลนากลาง ได้ให้สัมภาษณที่กรณีที่เนื้อหาในจดหมายกล่าวถึง เผยว่า คำว่า ผอ.ในจดหมายน่าจะใช่ตน เรื่องที่ผู้ตายพูดถึงให้รับเงิน ตนเป็นคนสั่งจริง แต่เป็นส่วนค่าผู้รับจ้างที่จะต้องรับผิดชอบจ่ายค่าทดสอบคอนกรีต ส่วนในจดหมายที่กล่าวว่ามีลูกจ้างประจำไปไซโค

ยืนยันว่าไม่ใช่ตน แต่เป็นคนอื่น และในเรื่องระบบการทุจริตหลายสิบปีอาจจะมี แต่เวลานี้ไม่มีแล้ว เพราะว่าทุกๆวันนี้หน่วยตรวจสอบเยอะ ต้องฟอกตัวเองให้ขาว สามารถตรวจสอบได้ในสัญญา การซื้อการจ้าง ในขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้าง

อาจารย์ปรเมศวร์ อินทรชุมนุม

ส่วนในกรณีที่มีบริษัทเดียวรับเหมา 7 โครงการ

กรณีที่งานราคาเกินห้าแสนขึ้นไป ต้องเป็นงานมาตามระบบ ส่วนงานที่ต่ำกว่าห้าแสนจำต้องมาตกลงราคา ถ้าใครเรียกมาคุยตกลงราคา แล้วสามารถทำได้ก็ทำ ยืนยันเข้ามารับทำได้ทุกคน แต่ว่าราคาต่ำจะรับได้ไหม ส่วนเรื่องการรับหัวคิว ไม่มีแน่นอน มีแต่สั่งรื้ออย่างเดียวถ้าไม่ถูก ไม่มีการตรวจรับใดทั้งสิ้น

เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รู้สึกไม่ค่อยสบายใจ เพราะว่าบางทีน้องผู้เสียชีวิตอาจจะรับข่าวสารมาไม่ชัดเจน แต่บางทีน้องก็มาปรึกษาตนตลอดเวลา อย่างในกรณีผู้รับจ้างเข้างานช้า แล้วถูกชาวบ้านมาบีบและต่อว่าว่าคุมงานยังไงถึงปล่อยให้ทิ้งงาน คาดว่าเป็นเรื่องของเนื้องานบีบให้ผู้ตายอัดอั้นตันใจ ไม่เกี่ยวกับองค์กร แน่นอนสังคมจะต้องต่อว่าตน แต่ผู้ตายเป็นผู้ทำงานตรง เป็นมือใหม่ที่สะอาด

ส่วนเรื่องการทำงาน ตนไม่ได้บังคับแน่นอน เพราะเหตุว่าเขาเข้าเป็นช่าง มีวิธีการตรวจสอบถูกต้อง ไม่มีการบังคับให้ทำงานผิด หรือบังคับให้รับตรวจสอบหรือรับเงินค่าหัวคิวแน่นอน แต่บางคนมีกดดันน้องว่า เมื่อเอาตัวอย่างคอนกรีตมาแล้ว ก็จะต้องไปรับค่าทดสอบเพื่อมาทดสอบ ตำแหน่งใหญ่ไม่มีการสั่งให้รับค่าหัวคิวแน่นอน ยืนยันว่าโปร่งใส ตรวจสอบได้

ขณะที่อาจารย์ปรเมศวร์ บอกว่า การตรวจสอบเอกสารตรวจสอบได้ แต่บางครั้งเอกสารมีการทำย้อนหลังได้ แต่สุดท้ายมันจับพิรุธได้หมด เพราะว่า ป.ป.ช. จับได้เพราะเหตุว่าการลงเวลา เลขรับคดีที่ไม่สัมพันธ์กัน แต่จากความคิดตนที่ได้รับฟังการให้การพยานแบบนี้ คิดว่ามีการทุจริต

ยืนยันว่าเอกสารที่เขียนเอาผิดได้ ไปถึงสามารถตรวจสอบได้ว่าใครได้ หรือใครไม่ได้ หาก สตง.เข้าตรวจจะรู้เลย เพราะเหตุว่ามีความชำนิชำนาญเรื่องการตรวจสอบ คดีปราบปรามทุจริต เราไม่เห็นเขารับเงิน แต่จะเห็นตัวเลขการรับเงินในบัญชี จะต้องตรวจสอบ ไล่เส้นทางการเงินหมด บางแห่งสอบเสร็จก็จะเห็นเอง วันนี้ยังตอบไม่ได้ว่ามีการทุจริตหรือไม่ แต่สอบเสร็จแล้วจะเห็นเอง

จดหมายแฉทุจริต

ส่วนในจดหมายที่กล่าวว่า วิศวกร ผู้เสียชีวิตจะต้องรับเงิน

มั่นใจว่าเป็นค่าใช้จ่ายที่บริษัทจ่ายให้เจ้าหน้าที่ ไปตรวจทดสอบซีเมนต์อันนี้ถูกต้อง เป็นเรื่องของระบบราชการ เหมือนการไปรังวัดที่ดิน แต่ในกรณีการทุจริตให้ค่าหัวคิว การตรวจงานผ่าน จะมีทั้งจ่ายเป็นเงินสดและก็เช็ก แต่สามารถตรวจทานได้ที่ธนาคาร เพราะว่าไม่มีการโอนไปที่เดียว เช็กได้จากเส้นทางการเงินทั้งหมด

ในกรณีที่นายกเทศบาลตำบลนากลาง ให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นที่ถูกกล่าวหาในจดหมาย เรื่องงานของโครงการที่มีเพียงแค่ห้างเดียวรับเหมาโครงการต่อเนื่อง ว่า 4 โครงการได้จาก e-bidding และอีก 3 โครงการเพราะว่ามีเครื่องมือพร้อม

อาจารย์ปรเมศวร์เผย มันน่าสงสัย 7 โครงการทำไมถึงได้หมด สำหรับ e-bidding ตรวจยังไงก็ครบ เพราะว่าระบบอิเล็กทรอนิกส์ตรวจง่าย อย่างคดีที่ทำมาก็เป็นแบบงี้ ยกตัวอย่าง 4-5 บริษัท คนที่มายื่นเป็นคนเดียวกัน ก็สามารถทำได้ เพราะว่ารับมอบอำนาจมาได้ถูกต้อง แต่พอดูเอกสารก็เห็นว่ามาจากที่เดียวกัน ต้องดูสอบไปถึงรายชื่อกรรมการผู้ถือหุ้น จะรู้ได้ทันทีว่าคนยื่นเกี่ยวข้องกัน ในลักษณะไหน ส่วนมากคดีก่อนหน้าที่ผ่านมาเหมือนยื่นให้ดูมีคู่แข่ง แต่ความจริงแล้วมาจากที่เดียวกัน

สำหรับอีก 3 งานที่ไม่มีใครรับ อันนี้ยาก เพราะว่าจะเรียกใครมาต่อราคาไม่ได้ ต้องมีคู่แข่ง หากมีคนเดียวจะต้องยกเลิก โดยเหตุนี้ถ้าไม่ต้องการยกเลิกก็ต้องหาคู่แข่งขันมา โดยเหตุนี้จะต้องตรวจสอบให้ลึก

เพราะเหตุว่ามีการปลอมเอกสาร บ่อยครั้งที่ตรวจสอบเอกสารจะพบว่า มีคนคนเดียวทำเอกสาร จะต้องสอบให้ลึกแล้วจะเห็นเอง เพราะว่าปกติเองต้องไม่มี 7 โครงการทำยาว ยิ่งในจังหวัดหนองบัวลำภู ดินถล่มบ่อยครั้งคงเป็นไปไม่ได้ที่จะมีบริษัทเดียว อีกทั้งยังสามารถประมูลงานข้ามจังหวัดได้ โดยเหตุนี้จะต้องมีการตรวจทานข้อเท็จจริงต่อไป

อย่างไรก็แล้วแต่ สามารถติดตามรายการ “เปิดปากกับภาคภูมิ” พร้อมกันได้ทุกวันจันทร์ถึงวันศุกร์ ตั้งแต่เวลา 15.30 น. เป็นต้นไป ได้ทางไทยรัฐทีวี ช่อง 32.